โรงหนังอินโดฯเฟื่อง แห่ผุดสาขารับดีมานด์พุ่ง

คอลัมน์ Market Move

โรงภาพยนตร์กำลังเป็นหนึ่งในธุรกิจมาแรงของอินโดนีเซีย ซึ่งดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและนอกประเทศ หลังราคาตั๋วระดับจับต้องได้และคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น ทำให้โรงภาพยนตร์กลายเป็นความบันเทิงยอดฮิตของชาวอินโดฯทุกเพศทุกวัย จนดีมานด์พุ่งสูงเกินกว่าซัพพลายจะรองรับได้ เปิดช่องให้ผู้เล่นทุ่มทุนขยายธุรกิจกันอย่างคึกคัก

สำนักข่าว “นิกเคอิ” รายงานว่า ตลาดโรงภาพยนตร์อินโดนีเซียกำลังมาแรงด้วยปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งด้านผู้บริโภคที่มองว่าโรงภาพยนตร์เป็นความบันเทิงที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่าด้วยค่าตั๋วเพียง 5 หมื่นรูเปียห์ หรือประมาณ 111 บาท สำหรับที่นั่งธรรมดา และ 1-2 แสนรูเปียห์ สำหรับที่นั่งพรีเมี่ยมพร้อมอาหาร รวมถึงไลน์อัพภาพยนตร์ยังหลากหลายขึ้น เพราะมาตรการเซ็นเซอร์ผ่อนคลายลง ขณะที่จำนวนโรงภาพยนตร์ยังมีเพียง 1,600 โรงทั่วประเทศ หรือสัดส่วน 0.4 โรงต่อประชากร 1 แสนคน ต่ำมากเมื่อเทียบกับสัดส่วน 14 โรงในสหรัฐอเมริกา และ 1.8 โรงในจีน อีกทั้งยังกระจุกตัวในเขตเมือง พร้อมกันนี้รัฐบาลอินโดฯยังออกมาตรการหนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงภาพยนตร์และการถ่ายทำอีกด้วย

ส่งผลให้ผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศเคลื่อนไหวคึกคัก เพื่อชิงโอกาสจากการเติบโตของตลาด โดย “นุสันทารา สีจาห์เทรา รายา” (Nusantara Sejahtera Raya) ผู้บริหารเชนโรงภาพยนตร์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย อาทิ ซินีม่า 21 และซินีม่า XXI ซึ่งส่วนแบ่งตลาดประมาณ 70% เดินหน้าทุ่มเม็ดเงินจากกองทุน GIC ของรัฐบาลสิงคโปร์และพันธมิตรรายอื่น ๆ ผุดสาขาเพิ่มอีก 10% ภายในสิ้นปี 2562 และประกาศเป้าขยายเพิ่มปีละ 100-150 โรงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง “ซินีแม็กซ์” (CineMaxx) เชนโรงภาพยนตร์ของกลุ่มทุนลิโป กรุ๊ป (Lipo group) ที่ร่วมทุนกับ “ซินีโพลิส” (Cinepolis) ผู้บริหารโรงภาพยนตร์จากเม็กซิโก เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน


จากนี้ต้องจับตาดูว่า จะมีต่างชาติรายใดเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียบ้าง และการแข่งขันที่เกิดขึ้นจะทำให้ตลาดเดินไปในทิศทางใด