บิ๊กเครื่องดื่มชูกำลังบุกเวียดนาม รับดีมานด์พุ่งหนีตลาดไทยอิ่มตัว

แฟ้มภาพ

3 บิ๊กชูกำลังบุกเวียดนาม หนีตลาดในประเทศอิ่มตัว “กระทิงแดง” ซุ่มเปิดออฟฟิศ-สร้างโรงงาน “คาราบาว” ทุ่ม 200 ล้านเหรียญ ตั้งโรงงานใหม่ พร้อมอัดสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หวังเบียดมาร์เก็ตแชร์ “เอ็ม-150” โอสถสภาประกาศเพิ่มดีกรีบุก 2 ตลาดใหญ่ เร่งหาพันธมิตรร่วมลงทุนรักษาแชมป์-ลดความเสี่ยง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ขณะนี้เวียดนามกลายเป็นตลาดที่ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังรายใหญ่ของไทยกำลังให้ความสนใจ ล่าสุดหลาย ๆ ค่ายมีความเคลื่อนไหวในการเข้าไปการลงทุนตั้งโรงงานผลิต ขยายกำลังการผลิต รวมทั้งมีการทำตลาดเชิงรุก จากปกติที่ส่งสินค้าไปขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ทั้งนี้ เพื่อสร้างฐานที่มั่นแห่งใหม่และรับกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของคนเวียดนามที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากตลาดชูกำลังในประเทศเริ่มส่งสัญญาณอิ่มตัว

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการเครื่องดื่มชูกำลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลจากการที่ตลาดรวมเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ตกอยู่ในภาวะที่ติดลบต่อเนื่องมา 2-3 ปี นอกจากผู้ประกอบการจะพยายามส่งสินค้าใหม่ ๆ เครื่องดื่มใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นตลาดแล้ว อีกด้านหนึ่งแต่ละค่ายก็หันไปให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการส่งออกสินค้าจากเมืองไทยไปทำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง

รายงานจากกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP หรือบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ได้เข้าไปเปิดสำนักงานในต่างประเทศแห่งแรกที่โฮจิมินห์ และมีแผนจะขยายกำลังการผลิตในเวียดนามเพิ่มเติม ที่จังหวัดบิ่นห์เยือง รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม และตลาดชูกำลังที่เติบโตสูงถึง 11% ต่อปี โดยกระทิงแดงถือเป็นผู้นำตลาดที่ครองมาร์เก็ตแชร์สูงที่สุด

นายสราวุฒิกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีแผนจะเปิดโรงงานใหม่ รวมถึงสำนักงานใหม่ในต่างประเทศ อย่างน้อยปีละ 1 แห่ง ในช่วงปี 2560-2565 จากปัจจุบันที่มีโรงงานอยู่ในไทย 2 แห่ง และต่างประเทศ 3 แห่ง ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน เพื่อเสริมความแข่งแกร่งในตลาดส่งออก ที่คิดเป็นยอดขายกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ตลอดจนตอกย้ำการเป็นเฮาส์ออฟแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ใน 6 กลุ่มสินค้า 8 แบรนด์ อาทิ กระทิงแดง เร้ดดี้ สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ ฯลฯ

“การมีสำนักงานในประเทศต่าง ๆ จะช่วยให้เราเข้าใจความต้องการ ความชอบ ตลอดจนพฤติกรรมของคนในประเทศนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ตรงจุด”

ขณะที่ นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในการประชุมกับผู้กระจายสินค้าของคาราบาวในเวียดนาม หรือบริษัท Ngoc Thien Bao ไว้ก่อนหน้านี้ว่า คาราบาวมีแผนจะลงทุนราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,600 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตในเวียดนาม โดยโรงงานนี้จะมีกำลังการผลิตประมาณ 240 ล้านกระป๋องต่อปี เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่เติบโตอย่างรวดเร็ว 11% ต่อปี มากกว่ากลุ่มเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ ที่เติบโตประมาณ 7% นอกจากนี้ ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังยังมีสัดส่วนสูงถึง 17% ของตลาดเครื่องดื่มในภาพรวมของเวียดนามด้วย (ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา คาราบาวมีรายได้จากเวียดนาม คิดเป็นมูลค่าราว ๆ 237 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 70% ซึ่งที่ผ่านมาคาราบาวได้เข้าไปรุกทำตลาดในเวียดนามเป็นระยะ ๆ ทั้งอีเวนต์ออนกราวนด์ ออกบูท โรดโชว์ ขบวนรถ ฯลฯ รวมทั้งมีการทุ่มงบฯกับสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เช่น การใช้โฮจิมินห์เป็นสถานที่จับสลากรอบแรกฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรือคาราบาวคัพ ฤดูกาล 2561/2562 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังสนับสนุนการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ Vietnam Cub Prix”s และล่าสุดได้จัดแคมเปญ Football Festa ชิงรางวัล อาทิ ทีวี สามาร์ทโฟน กล้อง ฯลฯ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคที่สำคัญของแบรนด์

ส่วนด้านของ M-150 เจ้าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในเมืองไทย นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ได้ระบุถึงแผนการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อระดมทุนขยายธุรกิจว่า ปัจจุบันโอสถสภาส่งออกสินค้าไปจำหน่ายแล้วกว่า 25 ประเทศทั่วโลก แต่กลุ่มที่เข้าไปลงทุนจริงจังยังอยู่แค่ละแวกประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ

ขณะนี้กำลังก่อสร้างโรงงานเครื่องดื่มในเมียนมา และกำลังศึกษาการเข้าไปขยายตลาดในเวียดนามและจีนเร็ว ๆ นี้ ในรูปแบบของการหาพันธมิตรเพื่อร่วมทุน เพื่อเพิ่มดีกรีการทำตลาด รับกับกำลังซื้อที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง

“ทั้งเวียดนาม และจีน เป็นตลาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูง แต่ตลาดก็มีความเสี่ยง ดังนั้น การเข้าไปลงทุนจึงอาจจะต้องใช้โมเดลในการหาพาร์ตเนอร์เข้ามาร่วมด้วย”

สอดคล้องกับแหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มชูกำลังที่ระบุว่า ขณะนี้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในเวียดนามมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และหลัก ๆ ก็เป็นการแข่งขันของ 3 แบรนด์ใหญ่จากเมืองไทย ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละค่ายต่างก็มีการทุ่มงบฯการตลาดอย่างหนัก ขณะที่เอ็ม-150 ของโอสถสภา ที่เป็นเจ้าตลาดก็ได้ทุ่มงบฯการตลาด โดยเฉพาะการอีเวนต์ออนกราวนด์ ตามย่านชุมชน ตลาด การออกงานแฟร์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้า ตลอดจนการมีโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อ