เทรนด์ “สนีกเกอร์” โตสะพรั่ง “คาร์นิวัล” จับมือแบรนด์กีฬาโกอินเตอร์

เทรนด์สนีกเกอร์ยังแรง “คาร์นิวัล” จ่อขยายฐานรุกต่างประเทศ เล็งส่งเฮาส์แบรนด์ชิมลางอาเซียน-ญี่ปุ่น ชูคุณภาพดีไซน์ระดับอินเตอร์ พร้อมคอลลาบอเรชั่นกับสนีกเกอร์รายใหญ่เปิดตัวสินค้า ด้านในประเทศขนนวัตกรรมอัพเกรดจุดขายซุ่มพัฒนาแอปพลิเคชั่นจอง-จัดคิว-บริหารฐานลูกค้า ก่อนผุดสาขาเพิ่ม 2-3 สาขารับดีมานด์ต่างจังหวัด มั่นใจปี”62 รายได้โต 30%

กระแสนิยมรองเท้าสนีกเกอร์ในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้น พร้อม ๆ กับการที่แบรนด์สินค้าที่เปิดตัวรุ่นพิเศษ ลิมิเต็ดเอดิชั่น หรือรุ่นที่คอลแลบกับศิลปิน ดารา แบรนด์ดัง กันอย่างถี่ยิบทุกเดือน ทำให้ตลาดรองเท้าผ้าใบแฟชั่นเมืองใทยในเวลานี้ร้อนแรงอย่างมาก คนที่ชื่นชอบสินค้าเหล่านี้ หรือนักสะสมบางคน ที่ไม่สามารถหาซื้อรุ่นพิเศษบางคู่ได้จากพวกตัวแทนจำหน่ายทางการ ก็ยอมที่จะควักกระเป๋าจ่ายในราคาที่สูงกว่าปกติ 3-4 เท่า เพื่อซื้อต่อจากผู้นำเข้าไม่เป็นทางการ หรือคนที่มีสินค้านั้น ๆ

สอดคล้องไปกับภาพของการเคลื่อนทัพแบรนด์ยักษ์ ที่เป็นมัลติแบรนด์สโตร์ เน้นวางขายรุ่นหายาก หรือรุ่นพิเศษ จากทั่วสารทิศ เริ่มเข้ามาปักธงชิงพื้นที่กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ATMOS เชนจากญี่ปุ่น ที่เปิดสาขาแรกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และล่าสุด JD Sport เชนจากฝั่งอังกฤษ ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อม ๆ กับไอคอนสยาม ช่วงต้นเดือนนี้

นายอนุพงศ์ คุตติกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเชนร้านแฟชั่น คาร์นิวัล เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดสนีกเกอร์ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าทั้งไทยและต่างประเทศ โดยดีมานด์จากเหล่าสนีกเกอร์เฮดหรือผู้ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบ ซึ่งขยายตัวและกำลังซื้อยังสูงต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยหนุนหลัก สะท้อนจากการเข้าคิวซื้อรองเท้ารุ่นใหม่ซึ่งเกิดขึ้นรายสัปดาห์ และการที่อินเตอร์แบรนด์ส่งไลน์อัพสินค้าเข้ามาวางขายในไทยมากขึ้นจนอยู่ในระดับ 80% ของตลาดหลัก ๆ ของโลก จากสัดส่วนเพียง 50% เมื่อ 2-3 ปีก่อน ในขณะที่ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นตามวัสดุและเทคโนโลยีการผลิต

อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้ดึงผู้เล่นทั้งไทยและต่างชาติเข้ามามากขึ้นเช่นกัน โดยปัจจัยแข่งขันหลักยังเป็นการชิงไลน์อัพสินค้ารุ่นใหม่และเทคนิคการขาย เนื่องจากฐานลูกค้าในตลาดนี้ให้น้ำหนักกับตัวสินค้าและประสบการณ์มากกว่าราคา ซึ่งแต่ละรายต่างมีกลยุทธ์เฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ฐานลูกค้าของตนเอง

สำหรับบริษัทโค้งท้ายนี้และปีหน้าจะเน้นย้ำจุดเด่นด้านไลน์อัพสินค้า ฐานลูกค้า โดยพัฒนาเทคนิคการขายและบริการด้วยการนำแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมาใช้สร้างประสบการณ์และอำนวยความสะดวก พร้อมขยายตลาดต่างประเทศด้วยเฮาส์แบรนด์ อาทิ คาร์นิวัลและอื่น ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคอลลาบอเรชั่นกับเซเลบและแบรนด์ดัง เพื่อสร้างสินค้ารุ่นพิเศษ รวมถึงส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศ

ADVERTISMENT

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทำคอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์รองเท้าชื่อดังรายหนึ่งเพื่อผลิตรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นพิเศษที่บริษัทดีไซน์เอง มีกำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกต้นปีหน้า ซึ่งจะทำให้คาร์นิวัลเป็นร้านรองเท้าสัญชาติไทยรายแรกที่ใช้กลยุทธ์นี้ ขณะเดียวกันเตรียมส่งสินค้าโอว์นแบรนด์ทั้งกลุ่มแฟชั่นและอุปกรณ์เสริม เช่น กล่องรองเท้า “ทาวเวอร์ บอกซ์” ไปขายที่ญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2562 เน้นจุดขายด้านคุณภาพและดีไซน์ทัดเทียมอินเตอร์แบรนด์ แต่ราคาต่ำกว่าประมาณ 20% นอกจากนี้ยังเริ่มศึกษาโอกาสตั้งสาขาในต่างประเทศ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในอีก 1-2 ปี ส่วนในไทยช่วงเวลาเดียวกัน มีแผนขยายเพิ่ม 2-3 สาขาทั้ง กทม.และต่างจังหวัด เพื่อรับดีมานด์ในต่างจังหวัดที่เริ่มสูงขึ้น

“เป้าหมายปัจจุบันของเราคือ การนำแบรนด์คาร์นิวัลก้าวออกไปยังตลาดโลกในฐานะอินเตอร์แบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาได้คอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์ใหญ่หลายราย เช่น จี-ช็อค และแจนสปอร์ต รวมถึงมีออร์เดอร์จากลูกค้าต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าจะสามารถรุกตลาด ตปท.ได้แน่นอน”

ADVERTISMENT

ด้านเทคนิคการขายนั้น จะเน้นนำเสนอสินค้าในสไตล์สตรีตแฟชั่น อาศัยรูป คลิปวิดีโอ การรีวิว รวมถึงระบบอินเตอร์แอ็กทีฟในร้าน พร้อมนำแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมาใช้อำนวยความสะดวก เช่น จอง-จัดคิวซื้อสินค้า ทำแคมเปญการตลาด รวมถึงสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างทดลองแอปพลิเคชั่น คาดว่าจะนำมาใช้จริงเร็ว ๆ นี้

เชื่อว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าขึ้นอีก 20% จากปัจจุบันที่มีกว่า 1 หมื่นคน รวมถึงผลักดันให้รายได้เติบโต 15-20% เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ส่วนปี 2562 เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 30% เนื่องจากการขยายสาขาและขยายตลาดต่างประเทศ