‘สปอร์ตแฟชั่น’อังกฤษบุก ‘JDSports’ลงทุนเพิ่มสาขา

มาแรง-เทรนด์สปอร์ตแฟชั่นมาแรง การเติบโตในเมืองไทยโตไม่หยุด เจดี สปอร์ตเตรียมเปิดสาขา 2 เมกาบางนาต่อจากไอคอนสยาม

สปอร์ตแฟชั่นเมืองไทยเนื้อหอม ! เชนร้านมัลติแบรนด์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ “เจดี สปอร์ต” ยกทัพปักธง 2 สาขารวด ไอคอนสยาม-เมกาบางนา ก่อนมีแผนขยายเพิ่ม/เปิดตัวอีคอมเมิร์ซสิ้นปี รับแรงซื้อกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ชูจุดขายสินค้าแบรนด์ดัง รุ่นเอ็กซ์คลูซีฟ/ลิมิเต็ด มัดใจนักช็อปนักสะสม ก่อนจับมืออินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์เร่งสร้างอะแวร์เนส ขยายฐานลูกค้า 

นางสาววราทร รัตน์ดิลกพานิชย์ ผู้จัดการสื่อสารองค์กร เจดี สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นตลาดที่เทรนด์การใช้และสะสมรองเท้าผ้าใบ หรือ “สนีกเกอร์” รวมถึงแฟชั่นชุดกีฬากำลังมาแรง มีฐานลูกค้าจำนวนมากตั้งแต่ระดับแมสไปจนถึงนักสะสมกำลังซื้อสูงที่พร้อมทุ่มเม็ดเงินกับสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น สะท้อนจากการปรากฏการณ์ต่อคิวซื้อรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากโอกาสดังกล่าว ทำให้ “เจดี สปอร์ต” เชนร้านสปอร์ตแฟชั่นแบบมัลติแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ซึ่งมีสาขาใน 15 ประเทศ รวมกว่า 800 สาขา พร้อมจุดแข็งด้านไลน์อัพสินค้าเอ็กคลูซีฟและลิมิเต็ดเอดิชั่นครบครัน อาทิ ไนกี้, อาดิดาส ออริจินอล, นิวบาลานซ์, คอนเวิร์สและอื่น ๆ ตัดสินใจเดินหน้าขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มจากการเข้าไปในประเทศมาเลเซีย เมื่อ 3 ปีที่แล้ว จนปัจจุบันมี 10 สาขาทั่วโลก และสิงคโปร์เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา

ล่าสุด บริษัทได้ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดในไทย โดยปักธงสาขาแรกที่ไอคอนสยาม บนพื้นที่ 990 ตร.ม.ในคอนเซ็ปต์ดูเพล็กซ์ หรือ 2 ชั้น ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะเดินหน้าเปิดสาขา 2 ที่เมกาบางนา ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา และเตรียมที่จะขยายสาขาเพิ่มในปีหน้า และปีถัด ๆ
ไป ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยระยะแรกจะเน้นโลเกชั่นห้างสรรพสินค้าตามแนวรถไฟฟ้าบนดิน-ใต้ดิน

พร้อมกับเตรียมเปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสร้างการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ ในขณะที่ยังไม่สามารถเปิดสาขาให้ครอบคลุมได้

นางสาววราทรระบุว่า เนื่องจากเจดี สปอร์ต ถือป็นผู้เล่นระดับโกลบอล มีสาขาจำนวนมาก จึงมีอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ หรือแบรนด์สินค้า ที่มากกว่าคู่แข่ง จึงทำให้มีรุ่นที่หลากหลาย มีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่แบรนด์ผลิตให้กับร้านโดยเฉพาะ โดยจะติดป้ายว่า “Only at JD” รวมถึงกลยุทธ์วันสต็อปช็อปปิ้ง ด้วยสินค้าสำหรับเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิง

โดยกลยุทธ์การตลาดในระยะแรกเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ เน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ผ่านโซเชียลมีเดียของร้าน และอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ ตลอดจนการมอนิเตอร์สต๊อกสินค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อโอกาสในการขายที่แม่นยำ ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด เช่นเดียวกับการนำสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีของใหม่ที่ร้านทุก ๆ วัน รวมถึงรุ่นเอ็กซ์คลูซีฟที่จะเข้ามาสร้างสีสันอยู่ตลอด รวมถึงเน้นการบริการที่ใช้พนักงานดูแลลูกค้าในร้านแบบตัวต่อตัว เพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นสนีกเกอร์เฮดหรือนักสะสม และลูกค้าทั่วไป

ส่วนการทำโปรโมชั่นนั้นจะเน้นรูปแบบของกิจกรรมที่มีกิมมิก เช่น การโพสต์ หรือแชร์ ข้อความลงในโซเชียล เพื่อรับโวเชอร์ หรือสินค้ารุ่นลิมิเต็ด แทนการทำโปรโมชั่นลดราคาแบบทั่วไป และเตรียมจะเปิดตัวแคมเปญใหญ่ในช่วงวันคริสต์มาสที่กำลังจะถึง ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถทำให้บริษัทเป็นผู้นำตลาดสปอร์ตแฟชั่นและสนีกเกอร์ในประเทศไทยได้