“ไดกิ้น” อัพเกรดสินค้าบริการ เสริมแกร่งรับศึกแอร์ปีหน้า

“ไดกิ้น” เตรียมรับศึกแอร์ 2562 ทุ่มงบฯ 30 ล้าน อัพเกรดงานบริการ พร้อมขนทัพสินค้าใหม่ ชูรวดเร็ว-คุ้มค่า หวังชิงดีมานด์ทั้งลูกค้าพาณิชย์-ครัวเรือน ก่อนลุยทำตลาดครบวงจรตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. มั่นใจดันยอดขายปีงบ”61 เติบโต 15% ครองส่วนแบ่ง 26%

นายสมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดแอร์ปี 2562 มีโอกาสเติบโต 6% เป็น 5 หมื่นล้านบาท ด้วยดีมานด์ทั้งแอร์บ้านและแอร์พาณิชย์ หลังครัวเรือนมีกำลังซื้อและความเชื่อมั่นสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจและการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับการเติบโตของอสังหาฯ ตั้งแต่ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันจะสูงตามไปด้วยเนื่องจากจำนวนผู้เล่นมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัดซึ่งเป็นเป้าหมายของทุกแบรนด์เนื่องจากยังมีผู้ใช้แอร์น้อย โดยความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการหลังการขายจะเป็นหนึ่งในปัจจัยแข่งขันหลัก นอกเหนือจากราคา ฟังก์ชั่น และการเข้าถึงสินค้า เพื่อชิงโอกาสจากกระแสนี้ จึงเดินหน้าเสริมแกร่งด้านบริการหลังการขาย ตั้งแต่โค้งท้ายปี 2561 นี้ เน้นเพิ่มความรวดเร็ว โดยทุ่มงบฯ 30 ล้านบาท ตั้งศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งแรกครอบคลุม กรุงเทพฯและปริมณฑล มีไฮไลต์เป็นระบบมอนิเตอร์แอร์พาณิชย์แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถควบคุม-ตรวจสอบปัญหาของลูกค้าได้ตลอดเวลา ช่วยลดโอกาสเสียและประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน โดยมีค่าบริการรายปี 5-10% ของราคาเครื่องแอร์มุ่งเจาะกลุ่มโรงแรมและโรงงานซึ่งต้องใช้งานแอร์ต่อเนื่อง ปัจจุบันทดลองใช้ในโครงการของสยามสินธร คาดว่าช่วงปีแรกจะมีลูกค้าเข้าร่วม 20-30 ราย พร้อมศึกษาโอกาสนำไปอัพเกรดให้ศูนย์ในหัวเมือง เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และชลบุรี เพื่อรับดีมานด์โรงแรม-โรงงานในอีอีซี

ขณะเดียวกัน ด้านสินค้ายังคงใช้กลยุทธ์เพิ่มความคุ้มค่าและตอบโจทย์ความเชื่อมั่น เพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัดที่มีผู้ใช้แอร์ครั้งแรกจำนวนมาก ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นที่เคยมีในระดับบนให้กับรุ่นกลาง-ไฟติ้งและขายดีอย่างซีรีส์สบายและสมาย เช่น เพิ่มความทนทานของคอมเพรสเซอร์ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน ระบบกระจายลม เป็นต้น

โดยราคาอาจปรับเพิ่มเล็กน้อยประมาณ 3-5% พร้อมเพิ่มไซซ์ 1.5 หมื่นและ 2.4 หมื่นบีทียู ให้รองรับได้ทุกดีมานด์ เชื่อว่าการบริการที่รวดเร็วและทัพสินค้าใหม่ พร้อมการทำตลาดครบวงจรมี ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซ็นเตอร์และฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ที่ช่วยย้ำจุดขายด้านความประหยัด จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. ทำให้สามารถปิดปีงบฯ 2561 (เม.ย. 2561-มี.ค. 2562) ด้วยยอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% สูงกว่าตลาด และมีส่วนแบ่งตลาด 26% เป็นเบอร์ 1

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!