แรบบิท เติมพอร์ตใหม่ แตกบริษัทลูก ปิดจุดอ่อน บิ๊กดาต้า

บิ๊กดาต้า (big data) เป็นเมกะเทรนด์ที่ถูกกล่าวถึงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ที่ผ่านมาหลาย ๆ ธุรกิจเริ่มเก็บข้อมูลผู้บริโภคไว้ในระดับหนึ่ง แต่โจทย์ใหญ่ที่ผู้ประกอบการกำลังหาคำตอบขณะนี้ คือ จะนำข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจได้อย่างไร

“ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด ในเครือแรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ผู้ให้บริการดาต้าแอ็กทิเวชั่น (data activation) หรือการนำข้อมูลในองค์กรมาเพิ่มคุณค่าและประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางดิจิทัล ให้มุมมองกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้หลาย ๆ ธุรกิจให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลมากขึ้น เรียกว่าแต่ละองค์กรเริ่มมีบิ๊กดาต้า หรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธนาคาร เทเลคอม ค้าปลีก ร้านอาหารเพียงแต่ว่ายังไม่ได้นำข้อมูลที่เก็บไว้เหล่านี้มาใช้ประโยชน์มากนัก

ขณะที่บางองค์กร ข้อมูลเหล่านี้ก็ยังกระจัดกระจายอยู่ในแต่ละแผนก ทำให้ยังไม่พร้อมนำมาใช้งานเท่ากับว่าโจทย์ใหญ่ การนำข้อมูลมาใช้กับภาคธุรกิจ คือ ไม่รู้จะนำข้อมูลเหล่านี้มาเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กรอย่างไร

“ไชยณัฐ” อธิบายว่า ข้อดีของการมีข้อมูลเหล่านี้ ทำให้ธุรกิจมีข้อมูลเบื้องต้นของผู้บริโภค เช่น การเก็บข้อมูลง่าย ๆ อย่าง ชื่อ วัน เดือน ปีเกิด อีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น แต่ไม่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ หรือตีความหมาย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ ที่ผ่านมาข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้อยู่เฉพาะแค่ฝ่ายปฏิบัติงาน (operation) นั่นคือการจัดโปรโมชั่นแล้วก็จบลง ขณะเดียวกัน ถ้านำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์แล้วแปลงเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจได้ คาดว่าทิศทางการแข่งขันของธุรกิจจากนี้จะแข่งขันกันที่ฐานข้อมูล เพราะพฤติกรรมผู้บริโภควันนี้เปลี่ยนเร็ว

ยกตัวอย่าง กรณีโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่ใช้ข้อมูลที่เก็บได้จากบัตรสมาชิกเอ็มเจเนอเรชั่น มาแตกเป็นสินค้าใหม่นั่นคือ โรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก (kids cinema) เพื่อจับกลุ่มครอบครัว

ขณะที่สเต็ปต่อไป “ไชยณัฐ” เชื่อว่า ปี 2562 แต่ละบริษัทจะเริ่มนำข้อมูลที่ได้มาแปลงเป็นกลยุทธ์องค์กรเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล อย่างกรณีของกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ที่เริ่มนำข้อมูลมาใช้ผ่านไลน์แอด โดยผู้บริโภคที่มีประวัติอยู่ที่โรงพยาบาล ก็สามารถเช็กข้อมูลเบื้องต้นได้ผ่านไลน์ ทำให้บรรยากาศการไปโรงพยาบาลดีขึ้น

จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น “แรบบิท ดิจิทัล กรุ้ป” ได้เปิดตัวบริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ 5 ในเครือ จากปัจจุบันที่มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท แรบบิทส์ เทลล์ จำกัด ให้บริการกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารการตลาด ตามด้วยบริษัท มูนช็อท ดิจิทัล จำกัด ดูแลด้านดิจิทัล พี.อาร์. และคอนเทนต์เอเยนซี่ บริษัท โค้ดแอนด์คราฟท์ จำกัด เป็นดิจิทัลโปรดักชั่น ผลิตสื่อดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ เป็นต้น และบริษัท เดอะ ซีโร่ พับบลิชชิ่ง จำกัด ผู้บริหารเว็บข่าวโซเชียล “Mango Zero”

สำหรับอัลเคมิสท์จะเน้นการให้บริการนำข้อมูลในองค์กรมาสร้างคุณค่าและประสบการณ์ผ่านช่องทางดิจิทัล หลัก ๆ จะทำหน้าที่แก้โจทย์ให้ลูกค้า 2 เรื่องหลัก ๆ คือ การทำให้สินค้าได้ข้อมูลของผู้บริโภคมาได้ง่ายขึ้น ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ บนสื่อดิจิทัล และการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์และเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ ผ่านการทำงาน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ data in การนำข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ เข้ามารวมในแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อจัดโครงสร้างข้อมูล ตามด้วย value unlock คือ การวิเคราะห์เพื่อหาคุณค่าเชิงลึกของข้อมูลนั้น ๆ เพื่อหาคำตอบที่ใช้ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ

สุดท้าย impact out คือ การสร้างผลิตภัณฑ์จากข้อมูล ที่อยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้ และสามารถสร้างประสบการณ์ผ่านช่องดิจิทัลให้เข้าถึงผู้บริโภคได้

ขณะนี้เริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามาแล้ว โดยปี 2562 จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก เช่น กลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก ประกันภัย เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายว่า ปี 2563 จะขึ้นเป็นผู้นำด้านการให้บริการดาต้าแอ็กทิเวชั่นให้ได้

“ไชยณัฐ” ย้ำว่า ตอนนี้สินค้ามีความเข้าใจในการเก็บข้อมูลมากขึ้น และเทคโนโลยีก็พร้อม ทำให้หลาย ๆ สินค้าเริ่มนำข้อมูลที่ได้มาใช้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจมากขึ้น

จากนี้ไปธุรกิจจะสู้กันที่ดาต้าเข้มข้นขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่แยกย่อยตามเซ็กเมนเทชั่น

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!