Global Player เปิดเกมใหม่ สนามรบ ลักเซอรี่เอาต์เลต

แนวโน้มของ “เอาต์เลต” ระดับพรีเมี่ยมถือเป็นกลุ่มค้าปลีกที่มีการเติบโตอย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะช่วง 7 ปีที่ผ่านมาขยายตัวไม่หยุด ไม่เพียงศักยภาพการจับจ่ายของกำลังซื้อในประเทศ แต่ยังรวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวอีกกว่า 35 ล้านคนที่เข้ามา กลายเป็นดีมานด์ที่ทำให้เมืองไทยมีความพร้อมสำหรับการเปิด “ลักเซอรี่เอาต์เลต”

เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงของกลุ่มทุนยักษ์ค้าปลีกที่ดึงพาร์ตเนอร์ในระดับโกลบอลเข้ามาร่วมทัพ ทั้งในรูปแบบของการร่วมทุนพัฒนาโครงการและการเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ผ่านมา กลุ่มพีน่ากรุ๊ป และฟลายนาว เป็น 2 ค่ายหลักที่อยู่ในสนามรบ “เอาต์เลต” มาตลอดมากกว่า 20 ปี ด้วยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการหาพาร์ตเนอร์แบรนด์สินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเสริมทัพไม่หยุด

ซึ่งในปี 2562 จะมีรายใหม่เข้ามาเป็นทางเลือก คือ กลุ่มเซ็นทรัล ที่เตรียมอวดโฉม “เซ็นทรัล วิลเลจ” ในช่วงเดือนสิงหาคม 2562 และช่วงเดือนตุลาคม 2562 กลุ่มสยามพิวรรธน์ที่จับมือร่วมทุนกับไซม่อนกรุ๊ป ยักษ์ใหญ่จากอเมริกาเพื่อเข้ามาสร้างสีสันและเขย่าค้าปลีกรอบใหม่ ในสนามรบใหม่ของทั้ง 2 ค่ายยักษ์ค้าปลีก

“เซ็นทรัลพัฒนา” เดินหน้าเร่งการก่อสร้าง “เซ็นทรัล วิลเลจ” เพื่อเป็นจุดหมายแห่งการช็อปปิ้งลักเซอรี่เอาต์เลตแห่งแรกของไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Bangkok Outlet Experience”

โดยในพื้นที่โครงการจะมีแบรนด์ลักเซอรี่กว่า 50% จากบูทีคสโตร์ 235 ร้านค้า และที่เหลือเป็นการผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล อาทิ Polo Ralph Lauren, Kenzo, Vivienne Westwood, CK Jeans และ Adidas

 

นอกจากนี้ ด้วยทำเลบนถนนสายหลักก่อนเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที เพื่อให้เมืองไทยเป็นสวรรค์ของการช็อปปิ้งแห่งใหม่ รองรับทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างแท้จริง ซึ่งได้ร่วมงานกับคอนซัลแตนต์ระดับโลก (world-class consultancy) เพื่อเน้นการบริหารงานแบบมืออาชีพ ด้วยงบฯลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 40,000 ตร.ม. บนที่ดิน 100 ไร่ ครบถ้วนทั้งโรงแรม, ร้านอาหาร, จุดบริการนักท่องเที่ยว, สนามเด็กเล่น

กลุ่มเป้าหมายหลักครอบคลุมทั้งลูกค้าคนไทยมีรายได้สูงและชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมในราคาคุ้มค่า รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว young affluent จากทั่วโลก อาทิ ชาวจีน รัสเซีย ซึ่งปัจจุบันโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้ปิดดีลการขายจากแบรนด์เนมทั่วโลกไปแล้ว 50%

นอกจากนี้ เซ็นทรัล วิลเลจ มีบริการรถรับส่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังเซ็นทรัล วิลเลจ ซึ่งใช้เวลาเพียง 10 นาที และยังสามารถรับ-ส่งจากเซ็นทรัลเวิลด์มายังโครงการและเชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้นักท่องเที่ยว

เช่นเดียวกับการร่วมทุนของ 2 ค่ายยักษ์ สยามพิวรรธน์และไซม่อนกรุ๊ป ด้วยทุนจดทะเบียน 130 ล้านบาท ถือหุ้นคนละครึ่ง เพื่อพัฒนาโครงการลักเซอรี่เอาต์เลต 3 แห่งในเมืองไทย มูลค่ารวมหมื่นล้านบาท โดยนำร่องสาขาแรกบนเนื้อที่ 150 ไร่ จากนั้นเปิดอีก 2 แห่งในภาคเหนือและภาคใต้

ซึ่งชื่อชั้นของ “กลุ่มไซม่อน” ย่อมไม่ธรรมดา เพราะเป็นเจ้าของพรีเมี่ยมเอาต์เลตจำนวน 96 แห่งทั่วโลก อาทิ Woodbury Common Premium Outlets (New York), Desert Hills Premium Outlets (Palm Springs), Las Vegas North Premium Outlets, Yeoju Premium Outlets (Seoul), Gotemba Premium Outlets (Tokyo) and Johor Premium Outlets (Malaysia)

การร่วมทุนเกิดจากการมองเห็นศักยภาพการเติบโตของเมืองไทยที่มีการเติบโตทั้งจำนวนประชากรและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 35 ล้านคนเดินทางมาท่องเที่ยว

โดยไซม่อนพรีเมี่ยมเอาต์เลตพร้อมจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ทั้งร้านค้าลักเซอรี่แบรนด์ แบรนด์ระดับอินเตอร์ และแบรนด์ไทย

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ “เอาต์เลต” ในเมืองไทยมีมานานแล้ว โดย 2 กลุ่มโลคอลหลัก ๆ ที่ครองสัดส่วนเจ้าตลาด คือ กลุ่มพีน่ากรุ๊ป และกลุ่มฟลายนาว

กลุ่มฟลายนาว เปิดแบรนด์ “เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอาท์เลท” ไม่เพียงสินค้าของเอฟเอ็นที่เป็นแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน และการเดินทาง แต่รวมถึงสินค้าแบรนด์อื่น ๆ เข้ามาขายในราคาลดมากกว่าครึ่ง ปัจจุบันขยายสาขารวม 10 แห่ง เน้นปักหมุดตามเส้นทางเมืองท่องเที่ยว อาทิ สาขาเพชรบุรี กาญจนบุรี พัทยา ปากช่อง หัวหิน ศรีราชา และระยอง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีพรีเมี่ยมเอาต์เลตของกลุ่มบริษัทพีน่าเฮ้าส์ ครอบคลุมทั้ง Outlet Mall, Premium Outlet และ Outlet Village รวม 9 สาขา ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ในเครือ เช่น พีน่าเฮ้าส์ เอทูแซด เทนแอนด์โค และอินเตอร์แบรนด์เล็ก ๆ รวมถึงกลุ่มเอาต์เลตกีฬาตามแหล่งชุมชนและศูนย์การค้าที่เป็นนิชมาร์เก็ตอย่างเมืองทองธานี สเตเดี้ยม วัน เช่น เอาต์เลตของซูเปอร์สปอร์ต อาดิดาส ไนกี้ มิซูโน่ อาริ และเอฟบีที เป็นต้น

เป้าหมายเพื่อขายสินค้าในราคาต้นทุนที่ประหยัดกว่าถึง 10-70% ทุกวัน และยังคงรักษาระดับคุณภาพของสินค้าทุกชิ้น

เมื่อตลาดเปลี่ยน ดีมานด์และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันของธุรกิจ “เอาต์เลต” ได้ส่งแรงกระเพื่อมขึ้นแล้วในเมืองไทย

 

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!