ยักษ์ค้าปลีกไม่รอปัจจัยบวก-ลบ ออกสตาร์ตเร็วกระชากแรงซื้อ อัดยาวยันตรุษจีน

กลุ่มทุนยักษ์ “ค้าปลีก” จัดทัพบุกหนักตั้งแต่วินาทีแรกของปี ไม่รอปัจจัยบวก-ลบ เทงบฯอัดเต็มรูปแบบหวังเลี้ยงโมเมนตัมลากยาว “ปีใหม่-วันเด็ก-ตรุษจีน” ลุ้นนักท่องเที่ยวจีนหวนกลับมาทันเวลาหน้าขายเทศกาลไชนีส เดย์-ซัมเมอร์ ซีซั่นพร้อมเดินเครื่องลงทุนสปีดสาขาเต็มพื้นที่ไทย-เทศ

ธุรกิจเริ่มวางแผนการใช้งบฯโฆษณาและทำตลาดร่วมกับเอเยนซี่ โดยจะเริ่มคิกออฟทันทีตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2562 เป็นต้นไป หลายสินค้าพร้อมปล่อยแคมเปญและอัดโปรโมชั่น ซึ่งถือว่าเร็วกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุน “ค้าปลีก” ที่เตรียมบุกหนักทั้งแคมเปญและอีเวนต์ ตั้งแต่วินาทีแรกของปี โดยต้องการสร้างความต่อเนื่องของโมเมนตัมตั้งแต่อีเวนต์เคานต์ดาวน์ ลากยาวไปถึงวันเด็ก ตรุษจีน วาเลนไทน์ และเตรียมปิดเทอมเข้าซัมเมอร์ที่เป็นหน้าขายสำคัญ พร้อม ๆ กับการลุ้นนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในปี 2562 มีทิศทางที่ดี โดยการเลือกตั้งน่าจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคให้มีการจับจ่าย ขณะเดียวกัน ในส่วนของการท่องเที่ยวตลาดจีนก็เชื่อว่าจะกลับมาเป็นปกติ เพราะเมืองไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ต่างชาติเลือกเข้ามาท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้งบฯการตลาดมากกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อเข้ามากระตุ้นลูกค้าให้อยากออกมาจับจ่าย รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ หรือโปรโมชั่นจะไม่หว่าน แต่ต้องถูกเวลา ถูกสถานที่ และตั้งเป้าให้ลูกค้าใช้เวลาในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ นานขึ้นเป็น 2.30 ชั่วโมง จากเดิม 1.30 ชั่วโมง

“สิ่งที่รัฐกำลังทำก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็คงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกแรงมากขึ้น เพื่อดึงทราฟฟิกให้กลับมา อย่างที่รู้กันว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนลดลงกว่า 10-15% สิ่งที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว คือ การเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าด้วยโปรโมชั่นและอีเวนต์ เพื่อเลี้ยงกระแสและสีสันบรรยากาศให้เกิดการจับจ่ายตลอดทั้งปีนี้ ข้ามไปถึงต้นปีหน้า ปีใหม่ วันเด็ก ตรุษจีน วาเลนไทน์ ยิงยาวต่อเนื่อง”

นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ฉายภาพว่า ห้างเซ็นทรัลได้กระหน่ำแคมเปญยาวต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อปลุกยอดขายและเก็บยอดขายให้ได้มากที่สุด โดยต้นปีจะต่อแคมเปญและอีเวนต์วันเด็กตรุษจีน วาเลนไทน์ เลี้ยงกระแสยาวไปถึงซัมเมอร์ที่เป็นหน้าขายสำคัญ

เราทำงานหนักและทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ สถาบันการเงิน และบัตรเครดิต เพื่อหาสินค้าและราคาที่ดีที่สุดออกมากระตุ้นลูกค้าให้อยากช็อป ผ่านทุกรูปแบบของกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับการนำ “บิ๊กดาต้า” เข้ามาช่วยจากฐานบัตรเดอะ 1 การ์ด 14.3 ล้านใบ และในจำนวนนี้เป็นลูกค้าห้างเซ็นทรัล 3.6 ล้านคน เพื่อส่งข้อมูลโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้า และทำคอมมิวนิเคชั่นไดเร็กต์ถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทาง ปัจจุบันห้างเซ็นทรัลมีช่องทางการทำตลาดผ่านโซเชียลครอบคลุม ทั้ง Facebook มีผู้ติดตาม 1,218,398 คน, Instagram 61,976 คน, Twitter 981,552 คน และ LINE 6,020,630 คน

เช่นเดียวกับ “โรบินสัน” ที่ทิศทางการลงทุนยังคงเดินหน้าต่อเนื่องตามแผน 5 ปี จะเปิดเพิ่ม 11 สาขา รวมเป็น 59 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2020 ด้วยงบฯลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะโมเดลโรบินสันไลฟ์สไตล์มอลล์ ไซซ์ขนาดย่อม 3 หมื่น ตร.ม.จะเป็นหัวหอกหลักในการขับเคลื่อนควบคู่กับการรีโนเวตสาขาเดิมให้ทันสมัย สอดรับกับความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้าซึ่งทิศทางการลงทุนจะเน้นในทำเลที่มีการเติบโตและขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยเฉพาะในชลบุรี ซึ่งได้เปิดแล้ว 3 สาขา

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะเดินหน้าขยายธุรกิจบิ๊กซีในต่างประเทศเข้ามาเสริมทัพสาขาในประเทศ โดยตามแผนที่วางไว้ช่วงแรกจะเปิดที่กัมพูชา และลาว ในปี 2562 ควบคู่กับในประเทศยังมีอีกหลายพื้นที่ที่บิ๊กซีจะเข้าไปได้ โดยเฉพาะสาขาเล็ก (มินิบิ๊กซี) จะเป็นหัวหอกสำคัญ ทั้งนี้ แนวทางการขยายสาขาของบิ๊กซีจะให้ความสำคัญในการเชื่อมต่อ (connectivity) กับพื้นที่การค้าชายแดนเพื่อกระจายสินค้าและบริการสู่ภูมิภาคมากขึ้น

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างค้าปลีกเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยงบฯลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ในการเปิดสาขาใหม่ที่ตั้งเป้าหมายแต่ละปีจะเพิ่มพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 6 แสน ตร.ม. จากปัจจุบันมีสาขารวม 2,000 แห่ง ซึ่งการขยายสาขาจะเน้นร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ในทำเลที่เป็นอำเภอรอง ที่ยังขาดร้านค้าปลีกเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า พร้อมกันนี้ เทสโก้ โลตัส ยังมีช่องทางออนไลน์ที่มีแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นของตนเอง และขายผ่านช่องทางมาร์เก็ตเพลซของพันธมิตร เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้สามารถซื้อของได้ทุกที่และทุกเวลา

ด้านนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มองว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกยังขยายตัวได้ดี โดยในช่วงปี 2562-2565 มีแนวโน้มการเติบโตมากกว่า 5% ต่อปี จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ประกอบกับมีการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายมากขึ้น

ขณะเดียวกัน การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ช (e-Commerce) ขยายตัวมากกว่า 8.8% หรือมูลค่า 3.06 ล้านล้านบาท กลายเป็นช่องทางการตลาดที่ครบวงจร ตั้งแต่แพลตฟอร์มของร้านค้าออนไลน์ การบริการจัดส่งสินค้าดีลิเวอรี่ และระบบการชำระเงิน payment อย่างไรก็ตาม แม้การซื้อสินค้าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วโลกลดลง แต่ในไทยอัตราการซื้อสินค้าลดน้อยลงยังไม่มากนัก และในแต่ละปีเติบโต 10%

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!