พลังแห่งการดีไซน์ เสน่ห์มัดใจ สไตล์ “SMEG”

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

การแข่งขันของตลาด พฤติกรรมการบริโภค และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป อย่าง IOT หรือ internet of thing อาจทำให้หลาย ๆ สินค้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน หลาย ๆ แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์กันอย่างคึกคัก เพื่อให้สินค้าของตนยังคงอยู่ในกระแสความสนใจของผู้คน

แต่การใส่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไปเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่แนวทางของ “SMEG” แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว สัญชาติอิตาเลียน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบ ดีไซน์ และให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสวยงามภายนอก

“วันชัย สวนศิลป์พงศ์” กรรมการบริหาร บริษัท เพ็น เค อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวสเมก (SMEG) เล่าถึงแนวทางของแบรนด์ว่า หัวใจสำคัญในการออกแบบสินค้าของสเมกยึดหลัก technology with style การให้ความสำคัญในด้านของการดีไซน์ เสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่สามารถนำไปประดับบ้านได้

ซึ่งสเมกเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแรก ๆ ที่นำกลยุทธ์คอลลาบอเรชั่น ไม่ว่าจะการจับมือกับดีไซเนอร์หรือสถาปนิกชื่อดัง เช่น Renzo Piano, Marc Newson, Guido Canali ฯลฯ มาช่วยออกแบบสินค้า และเพิ่มความเข้มข้นของกลยุทธ์ดังกล่าว สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการอีกครั้ง ด้วยการจับมือกับแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์อย่าง Dolce & Gabbana ในคอลเล็กชั่น Sicily is my love. เมื่อปีที่แล้ว

โดยนำลายพรินต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของดอลเช่ แอนด์ กาบบานา มาใส่ไว้บนเครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องคั้นน้ำส้ม กาต้มน้ำไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าคอลเล็กชั่นทั่วไปถึง 3 เท่า แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะซื้อแบบยกเซตทั้งคอลเล็กชั่น

นอกจากนี้สินค้าของสเมกยังมี “aesthetic lines” หรือไลน์สินค้าหลักที่ครอบคลุมการตกแต่งบ้านทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น classic, linea, victoria, coloniale, Portofino, 50″retro style เป็นต้น

และในส่วนของเทคโนโลยีนั้นก็ถูกออกแบบให้สามารถใช้ได้จริง และ friendly use ง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด เช่น เตาแก๊สที่ออกแบบเตาหัวเดียว แต่นำเอาฟังก์ชั่นของเตา 2 หัวมาอยู่รวมกัน มีวงในที่ให้ความร้อนต่ำและวงนอกที่ให้ความร้อนสูง เตาอบ ที่ถูกออกแบบมาให้ตัวเครื่องข้างในโค้งมน (round corner) หรือการดีไซน์ฐานเตาอบให้มีร่อง เพื่อใส่น้ำเข้าไปเมื่อเจอกับความร้อนจะกลายเป็นไอ (vapor clean) ทำให้คราบสกปรกนุ่มขึ้น ทำความสะอาดได้ง่าย จนปัจจุบันฟีเจอร์เหล่านี้ได้กลายมาเป็นมาตรฐานของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวส่วนใหญ่ไปแล้ว

“เราจะไม่มีฟังก์ชั่นแบบผักชีโรยหน้า หรือไฮเอนด์แต่ไม่ได้ใช้ คนอาจจะสงสัยว่าสินค้าของเรามีเทคโนโลยีอะไร จริง ๆ แล้วมันมีนะ การดีไซน์ก็เป็นเทคโนโลยี การทำให้สวยลงตัวไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องของสกิลการออกแบบ คิดคอนเซ็ปต์ ตรงนี้สเมกชัดเจนมาก และประสบความสำเร็จค่อนข้างดี”

“วันชัย” ระบุว่า โพซิชั่นของสเมกถือเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม แต่ราคาเข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 กว่าบาท เช่น กลุ่มสินค้าเตาอบ ขณะที่สินค้าชิ้นใหญ่หรือไฮเอนด์ขึ้นไปก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 ปลาย ๆ ขึ้นไป จนถึงประมาณ 300,000 บาทต่อชิ้น มีลูกค้าหลัก ๆ อยู่ 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ชื่นชอบการทำอาหาร และกลุ่มที่ชื่นชอบงานดีไซน์ การตกแต่ง แต่จะไม่ค่อยเน้นการลดราคา หรือทำโปรโมชั่นมากนัก โดยจะไปเน้นเรื่องของการบริการมากกว่า ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ก่อนไปจนถึงหลังซื้อสินค้า ทั้งการให้คำปรึกษาเรื่องสินค้า มีพื้นที่ให้ลูกค้ามาทดลองใช้สินค้าผ่าน SMEG Iconic Space ซึ่งมีส่วนของโชว์รูมอยู่ด้วย การช่วยตรวจสอบพื้นที่ก่อนติดตั้งบิลต์อิน ตลอดจนบริการหลังการขาย เช่น ติดตั้ง ซ่อม รักษา ดูแลการใช้งานทั่วประเทศ โดยมีทีมช่างทั้งหมดกว่า 40 คน มีศูนย์บริการ 1 แห่งที่สุขสวัสดิ์

โดยภาพรวมการเติบโตของแบรนด์และบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 10-15% และตั้งเป้าที่จะเติบโตในอัตราดับเบิลดิจิตทุกปี

สำหรับปีนี้ได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างน้อย 1 ซีรีส์ และอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่ทำโชว์รูมแห่งที่ 2 เพิ่มเติม เพื่อให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น หรืออาจเป็นโมเดลของการทำพ็อปอัพสโตร์ เคลื่อนที่ไปตามจุดใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ

แม้สนามรบที่ชื่อว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะคุกรุ่น ร้อนแรงขนาดไหน สเมกยังคงยึดแนวทางไม่ลดราคาพร่ำเพรื่อ และใช้โปรดักต์เป็นตัวนำ เพื่อครองใจแฟนคลับต่อไป

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!