“สหพัฒน์” จัดทัพ ลุ้นเลือกตั้ง..ปลุกกำลังซื้อรากหญ้า

เริ่มต้นปีด้วยสัญญาณที่ดี หลังจากโรดแมปเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีของไทย ได้ปลุกบรรยากาศเศรษฐกิจการลงทุนอย่างคึกคัก ส่งสัญญาณบวกจากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม ด้านกำลังซื้อและเศรษฐกิจของกลุ่มผู้บริโภครากหญ้ายังเป็นที่น่าจับตามอง

“บุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ ฉายภาพกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สหพัฒน์ได้คาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น จากความชัดเจนของกระบวนการเลือกตั้ง

สร้างผลบวกทั้งในแง่ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งในกลุ่มต่างประเทศที่ตัดสินใจเข้ามาหรือกลุ่มที่ลงทุนในประเทศที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเห็นสัญญาณที่เป็นบวก สังเกตได้จากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น

“อีกทั้งในช่วงหลังจากการเลือกตั้งแล้ว หากได้รัฐบาลที่มีประสบการณ์เข้ามาบริหารงานภายในประเทศ ก็อาจจะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น”

เช่นเดียวกับทิศทางการลงทุนและการทำธุรกิจของกลุ่มสหพัฒน์ต่อจากนี้ คงต้องรอดูทิศทางของภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภาพระดับใหญ่จากต่างประเทศ

ซึ่งในส่วนของภายในประเทศนั้น บริษัทจะดูว่าเศรษฐกิจหลังจากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแล้วนั้น จะส่งผลให้ผู้บริโภคกลุ่มรากหญ้ากลับมามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่

และหากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว บริษัทก็จะเดินหน้าปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของสหพัฒน์

นอกจากนี้ ยังจะต้องดูแลเรื่องของต้นทุนทางธุรกิจ การทำการตลาด ซึ่งจะยังให้ความสำคัญกับสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพตามเทรนด์ตลาดที่กำลังมาแรง เช่น เครื่องดื่ม สตาร์ อินฟินิติ, ริวอง ซอยเกิร์ต โยเกิร์ตจากนมถั่วเหลือง หรือแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า

ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าหลักที่ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น ส่งเสริมสุขภาพมากขึ้น

เช่นเดียวกับกลยุทธ์หลักที่สหพัฒน์ให้ความสำคัญ ได้แก่ การจับมือกับคู่ค้าพันธมิตรรายเดิมและรายใหม่ ในด้านการจำหน่ายสินค้า อาทิ วินามิลค์ แบรนด์โยเกิร์ตอันดับ 1 จากเวียดนาม ที่มีจุดเด่นในเรื่องของรสชาติ คุณภาพและมาตรฐานอียู ซึ่งได้มอบหมายให้สหพัฒน์เป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย

พร้อมทั้งวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโยเกิร์ต นมเปรี้ยวและนมข้นหวาน และมีสินค้าใหม่จากคู่ค้าเดิม อาทิ ริซเชส ผลิตภัณฑ์ประเภทนมเปรี้ยว โยเกิร์ต เยลลี่ ซึ่งปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ และลอนช์สู่ตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังส่งบะหมี่โฉมใหม่จาก “ตระกูลซื่อสัตย์” เข้ามาเป็นตัวหลักเสริมทัพในการทำตลาด โดยมีซิกเนเจอร์อยู่ที่น้ำซุปนม และน้ำมันเจียวที่ปลอดไขมันทรานส์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์หมวดออรัลแคร์ จากแบรนด์สินค้าไลอ้อน ได้แก่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ โคโดโม, ซิสเท็มมา, ซอลส์, กู๊ดเอจ, แซคท์ และซื่อสัตย์

ทั้งหมดนี้จะขับเคลื่อนไปพร้อมกัน มุ่งเน้นการเป็นสินค้าเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของผู้บริโภคให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกวัย และครบถ้วนกับทั้งการดูแลสุขภาพช่องปาก เหงือก และฟัน

เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าผ้าอนามัย “เอลิส” และทิชชู่เปียก “เอลิแอล” แบรนด์ใหม่ล่าสุดที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับตลาด ยังคงเน้นคุณภาพและมาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีความร้อนระดับสูง

“เรายังมีมาม่าโอเค ซึ่งเป็นบะหมี่แห้งสไตล์เกาหลี มีจุดเด่นที่รสชาติเผ็ดร้อน เส้นบะหมี่หนานุ่มแบบบะหมี่เกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น เข้ามาสร้างสีสันและทำตลาดไปด้วยกัน”

และอีก 2 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การเสริมความสัมพันธ์กับ strategic partners ผ่านโครงการคู่ค้าพันธมิตร โดยมีการตั้งเป้าหมายการขายรายเดือนร่วมกับร้านค้าอย่างต่อเนื่อง และเน้นการจำหน่ายสินค้าออนไลน์

โดยให้ความสำคัญกับช่องทาง B2B และ B2C ของบริษัทมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ของคู่ค้า

 

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!