มารุต ชุ่มขุนทศ CEO “Class cafe” สู้บิ๊กธุรกิจ-รับมือดิจิทัลดิสรัปชั่น ต้องกล้าคิดนอกกรอบ

ในงานเสวนา “AIS Digital intelligent Nation 2019” ณ รอยัล สยามพารากอน ฮอลล์ โดยหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ถูกหยิบยกมาเสวนา คือ “เดินธุรกิจอย่างไรเมื่อโลกไร้พรมแดน ร่วมนำเสนอแนวคิดและมุมมองเพื่อก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต
นายมารุต ชุ่มขุนทศ เจ้าของแบรนด์ร้านกาแฟ “CLASS” เปิดเผยว่า การเคลื่อนตัวของเทคโนโลยี ในมุมมองของการดิสรับทั้งหลาย ในแง่ของสตาร์ทอัพ ต้องมองว่าเป็นโอกาส โดยสิ่งที่ต้องคิดอันดับแรกคือ เรามีความกล้าแค่ไหน ที่จะลงสนามแข่งขันกับกลุ่มผู้ประกอบการใหญ่ๆ อย่างเช่น ธุรกิจกาแฟ เราจะดิสรับชั่นอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่ที่แนวคิด ที่จะต้องกล้า “คิดนอกกรอบ” โดยนำเทคโนโลยีมาเป็นอาวุธในการทำธุรกิจ และเป็นสิ่งที่สตาร์ทอัพต้องกล้าที่จะเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน มองว่าการแข่งขันอยู่กับธุรกิจขนาดใหญ่ สิ่งที่ต้องทำคือ กลับไปศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภค อย่างเช่น ปัจจุบัน ผู้บริโภคอยู่ในยุคโซเซียล เราจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคประทับใจและกลับมาใช้บริการซ้ำ ดังนั้นก็ต้องนำ “เอไอ” เข้ามาช่วยในการบันทึกข้อมูลของผู้โภค และเก็บบิ๊กดาต้า เพื่อจะได้เสิร์ฟสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
“ธุรกิจกาแฟเป็นธุรกิจที่แข่งขันสูง มีคนเปิดจำนวนมาก ซึ่งแบรนด์ไหนที่จะอยู่ได้ จะต้องมีแนวคิดที่แตกต่างจากตลาด และนี่คือสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับคนที่คิดจะทำธุรกิจร้านกาแฟ”
ขณะเดียวกัน เรื่องบิ๊กดาต้า ยังถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันมีผู้บริโภค อาทิ นักศึกษา หรือกลุ่มสตาร์ทอัพต่างๆที่เข้ามาใช้เวลานั่งทำงานในร้านกาแฟ ดังนั้นร้านกาแฟก็ต้องมีไวไฟ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค เราจึงได้จับมือกับเอไอเอส เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม คือ จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคในร้านอัพโหลดข้อมูลต่างๆขึ้นบนคลาวด์ (Cloud)ที่มีความปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญสำหรับเอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัพ สิ่งที่ต้องมีคือความกล้าที่จะคิดนำเสนอไอเดียใหม่ หลุดจากแนวคิดเดิมๆ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นหัวใจหลัก สำหรับคนรุ่นใหม่ อาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่อุปสรรคคือทางเดินไปสู่ความสำเร็จ