LG ปลุกตลาดแอร์ 1.8 หมื่นล้าน ทุ่มงบเพิ่มกำลังการผลิตป้อนไทย-เทศ

“แอลจี” ทุ่มหนัก เพิ่มไลน์อัพแอร์เป็น 6 ซีรีส์รวด ชูฟังก์ชั่นกรองอากาศความละเอียด PM 1.0 รับกระแสฝุ่นควัน เดินหน้าปูพรมการตลาดแบบครบวงจรทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ผุดจุดทดลองกรองอากาศหน้าร้านค้า มั่นใจสิ้นปีนี้ยอดขายแตะ 2,700 ล้านบาท รั้งเบอร์ 3 ตลาดแอร์ พร้อมลุยลงทุนโรงงานระยองต่อเนื่อง 100 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตแอร์-คอยล์ รองรับตลาดไทย-เทศ

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดแอร์ที่มีมูลค่า 18,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าปีนี้ จะกลับมาเติบโตจากดีมานด์อินเวอร์เตอร์ที่ขยายตัวต่อเนื่องจาก 43% เป็น 57% เมื่อปีที่แล้ว และจะเป็น 65% ในปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญและลงทุนกับการลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว รวมถึงปีนี้มีฉลากประหยัดไฟแบบใหม่มาช่วยเน้นจุดขายของอินเวอร์เตอร์ด้วย ซึ่งปัจจัยแข่งขันหลักนอกจากการประหยัดไฟ ดีไซน์ ราคาและฟังก์ชั่นสมาร์ทแล้ว ปีนี้จะแข่งเรื่องฟังก์ชั่นกรองอากาศตามกระแส PM 2.5 อีกด้วย

ขณะเดียวกัน เพื่อรับมือปีนี้จึงเปิดตัวไลน์อัพแอร์ในจำนวนซีรีส์มากกว่าที่ผ่านมา จาก 4 เป็น 6 ซีรีส์ ขนาด 9,000-30,000 บีทียู ราคา 17,990-58,990 บาท พร้อมจุดขายเฉพาะตัวของแต่ละซีรีส์ มีไฮไลต์เป็นซีรีส์ฟังก์ชั่นกรองอากาศความละเอียด PM 1.0 ตั้งราคาสูงกว่ารุ่นใกล้เคียงประมาณ 20% เพื่อตอบรับกระแสฝุ่นควัน ส่วนซีรีส์อื่น ๆ เช่น ดีไซน์หน้ากากกระจกสำหรับกลุ่มบน ระบบทำความร้อนเจาะตลาดภาคเหนือ และทุกซีรีส์ยกเว้นซีรีส์ล่างสุดจะมีฟังก์ชั่นสมาร์ทซึ่งสามารถควบคุมและตรวจสอบปัญหาแอร์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ตอบโจทย์ความสะดวก โดยเตรียมงบฯการตลาด 150 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เน้นการทำวิดีโอโฆษณาเผยแพร่ทางออนไลน์-ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน

รวมถึงเพิ่มโซนทดลองฟังก์ชั่นฟอกอากาศที่ร้านค้า ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,700 ล้านบาท โต 15% จากปีก่อนและมีส่วนแบ่งในตลาดแอร์เพิ่มจาก 8% เป็น 10% รั้งอันดับ 3 และมีส่วนแบ่งในเซ็กเมนต์อินเวอร์เตอร์เพิ่มจาก 13% เป็น 16% อยู่ในอันดับ 3 เช่นกัน

สำหรับการรองรับดีมานด์ทั้งในไทยและอีก 50 ประเทศ เช่น เอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และสหรัฐอเมริกานั้น นายวราพงษ์ อูปแก้ว ผู้อำนวยการโรงงาน กล่าวว่า ได้เดินหน้าลงทุนโรงงานแอร์ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นโรงงานใหญ่อันดับ 3 ของเครือแอลจีต่อเนื่องทุกปี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและการควบคุมต้นทุน-เวลาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะลงทุน 100-160 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิตคอยล์ 1 ไลน์ ก่อนเพิ่มอีก 1 ไลน์ ในปี 2563 ให้สามารถผลิตคอยล์เองได้ทั้ง 100% ของดีมานด์ รวมถึงนำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อควบคุมต้นทุนและลดเวลาการผลิตลงประมาณ 20%

“หลังลงทุน 100 ล้านบาท ช่วงปี 2560-2561 เพื่อเพิ่มกำลังผลิตแอร์บ้านและพาณิชย์ในปีนี้จาก 1 ล้าน เป็น 1.3 ล้านเครื่องต่อปีจะรองรับดีมานด์ได้อีก 2-3 ปี”


ขณะเดียวกัน ยังได้เพิ่มไลน์ผลิตแอร์แบบติดหน้าต่างเพื่อส่งออกไปยังอเมริกา โดยเฉพาะจากเดิมที่มีโรงงานจีนเป็นฐานผลิตใหญ่จะเริ่มเดินเครื่องมี.ค.นี้ เชื่อว่าการลงทุนและไลน์ผลิตแอร์ติดหน้าต่างจะช่วยให้ยอดขายของโรงงานปีนี้เพิ่มจาก 330 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 350 ล้านเหรียญสหรัฐ และเติบโต 10-15% ทุกปีต่อเนื่องอีก 3-5 ปี