จีนลงทุน “สมาร์ทดิสเพลย์” ปั้นไทยฐานผลิตฮับอาเซียน

ดีมานด์สมาร์ทดิสเพลย์อาเซียนพุ่ง “เบสเซอร์” สตาร์ตอัพแดนมังกรทุ่ม 100 ล้านบาทผุดโรงงาน-รุกทำตลาดปั้นแบรนด์ หวังใช้ไทยเป็นฮับอาเซียน พร้อมเจาะลูกค้าเอสเอ็มอีสตาร์ตอัพ ชูฟังก์ชั่นสมาร์ท-เมดทูออร์เดอร์ ราคาจับต้องได้ มั่นใจปีแรกปิดยอด 30 ล้านบาทก่อนเพิ่มเป็น 50 ล้านบาทปี 2563

นายธนาวุฒิ ฟางจิราสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบสเซอร์ ดิสเพลย์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตจอแสดงผลเชิงพาณิชย์หรือสมาร์ทดิสเพลย์ อาทิ จอโฆษณา จอแสดงข้อมูลหรือจอสำหรับห้องประชุมจากประเทศจีนกล่าวว่า ตลาดจอแสดงผลเชิงพาณิชย์มีแนวโน้มเติบโตทั้งในไทย อาเซียน และทั่วโลก ด้วยดีมานด์จากหลายเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก อาคารสำนักงาน ธุรกิจบริการ การศึกษา และอื่น ๆ ซึ่งกำลังขยายตัวและต้องการสินค้านี้

ปัจจุบันในภูมิภาคนี้มีคู่แข่งเพียง 2-3 ราย แต่เชื่อว่าเร็ว ๆ นี้จะมีแบรนด์จีนรุกเข้ามาเพิ่มอีกเพราะหลายโรงงานต่างมองหาโอกาสขยายธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งนี้ มูลค่าตลาด 9.9 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2558 จะเพิ่มเป็น 2.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565

สะท้อนจากเทรนด์เปลี่ยนป้ายโฆษณาเป็นจอแอลซีดี-แอลอีดี รวมถึงยอดขายของบริษัทที่เติบโตต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา จนปี 2561 มียอดประมาณ 200 ล้านหยวนจากการขายในพื้นที่ภาคใต้ของจีนและส่งออกไปยังตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยสินค้าจากโรงงานในเสิ่นเจิ้นกำลังผลิต 3,000 เครื่องต่อเดือน ซึ่งเดินเครื่องเต็มกำลังผลิตแล้ว

เพื่อรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นนี้จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนตั้งบริษัทขายและโรงงานในไทยเพื่อเป็นฮับป้อนตลาดอาเซียนรวมถึงอินเดีย นับเป็นกิจการนอกประเทศแห่งแรกของบริษัท อาศัยสิทธิสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่อีอีซีและจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานและฝีมือแรงงาน โดยใช้งบฯลงทุน 90 ล้านบาทเพื่อตั้งโรงงาน กำลังผลิต 6,000 เครื่องต่อเดือนที่จังหวัดฉะเชิงเทรา คาดว่าจะไลน์การประกอบจะแล้วเสร็จใน 3 ปี และไลน์ผลิตชิ้นส่วนจะเดินเครื่องได้ใน 5 ปี

ขณะเดียวกัน ได้ตั้งบริษัทขายเพื่อนำเข้าสินค้าในช่วง 3 ปีแรก สอดคล้องกับจุดแข็งของบริษัท ทั้งด้านฟังก์ชั่นสมาร์ทในระบบวินโดวส์และแอนดรอยด์ การเมดทูออร์เดอร์ในจำนวนน้อย ความหลากหลายของสินค้าตั้งแต่ 32-98 นิ้ว ความละเอียดสูงสุดที่ 4K รวมถึงราคาถูกกว่าคู่แข่งประมาณ 10-20% เนื่องจากมีโรงงานเป็นของตนเอง โดยขณะนี้ได้ติดตั้งหน้าจอจำนวนหนึ่งภายในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี และเริ่มรับออร์เดอร์สินค้าในงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา


ด้านการตลาดจะใช้งบฯ 10 ล้านบาทสื่อสารแบบครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์ก โรดโชว์ ออกงานแฟร์ พร้อมหาดิสทริบิวเตอร์และแต่งตั้งศูนย์บริการในแต่ละภูมิภาคของไทยเพื่อรองรับบริการหลังการขาย โดยตั้งรายได้ปี 2562 นี้ไว้ที่ 20-30 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 50 ล้านบาทในปี 2563