สิงห์-ช้าง มาแน่ เบียร์ 0% ยักษ์ขยับ ปลุกดีมานด์ตลาดโต

กลายเป็นกระแสที่มีการพูดถึงอย่างมากมาย สำหรับ “เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์” ตรา “ไฮเนเก้น 0.0” ที่กลุ่มบริษัททีเอพี เพิ่งลอนช์เข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับเดินหน้ากระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางขายหลัก ทุ่มงบฯสำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มใหม่อย่างครบเครื่องทั้งทีวี โซเชียลมีเดีย สื่อนอกบ้าน รวมถึงการแจกสินค้าตัวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

หากจะกล่าวว่าเป็นการเปิดเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่ของไทยก็คงไม่ผิดนัก แต่หลังจากเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ ตรา “ไฮเนเก้น 0.0” เปิดตัวได้ไม่กี่วัน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่างก็พร้อมใจกันลุกขึ้นมา “ป้องปราม” ทันที เพราะเกรงว่าจะมีการเลี่ยงบาลี-เลี่ยงกฎหมาย ด้วยการนำเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ โยงไปถึงการโฆษณาเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ อย.ยังระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีการรีวิวเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ โดยระบุว่าเป็นเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นการโฆษณาโดยไม่ได้ขออนุญาต ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522

แม้จะเป็นเจตนาดีของหน่วยงานภาครัฐ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นกระพือข่าวเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือที่คนทั่ว ๆ ไปเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า “เบียร์ 0%” หรือ “เบียร์น็อนแอลกอฮอล์” ให้การรับรู้และได้รับความสนใจในวงกว้างและอยากรู้ว่ารสชาติเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นอย่างไร จนถึงขนาดว่า เครื่องดื่มน้องใหม่นี้พร่องเชลฟ์ไปเลยทีเดียว

แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด แสดงความเห็นกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เบียร์ 0% ในต่างประเทศก็มีมาหลายปีแล้ว และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางประเทศ 0% มีมาร์เก็ตแชร์ถึง 20% ของตลาดเบียร์โดยรวมของประเทศนั้น สำหรับตลาดเบียร์ในไทยก็มีทิศทางมาทางนี้ คือ เบียร์ใหม่ ๆ ที่ออกมาจะมีแอลกอฮอล์ที่ต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีกรมสรรพสามิต ที่จะคิดตามปริมาณแอลกอฮอล์ หากแอลกอฮอล์มากเสียภาษีมาก แอลกอฮอล์น้อยเสียภาษีน้อย และมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการจะลงมาในตลาดนี้มากขึ้น รวมทั้งเบียร์ 0%

อย่างไรก็ตาม เบียร์ 0% ที่เป็นปัญหาตอนนี้ ต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง หลายค่ายจึงใช้วิธีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ สำหรับค่ายสิงห์เองตอนนี้ก็มีเบียร์ 0% จำหน่ายแล้ว โดยขายเฉพาะในร้าน EST.33 ชื่อ HOF by EST. 33 ต่อคำถามว่า ค่ายสิงห์จะมีเบียร์ 0% ออกมาทำตลาดหรือไม่ แหล่งข่าวรายนี้ระบุเพียงสั้น ๆ

“เบียร์น็อนแอลฯเป็นตลาดที่น่าสนใจ และเป็นเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ในบ้านเราสำหรับสิงห์คงไม่เร็วนักในตอนนี้ อาจจะต้องอีกสักพักหนึ่งสำหรับตลาดแมส”

ไม่ต้องรีบร้อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม “สิงห์” มาแน่

ขณะที่ “อาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์” กรรมการ บริษัท ไอเอสทีบี จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายคราฟต์เบียร์รายใหญ่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0% ที่คนทั่ว ๆ ไปเรียกกัน ในเมืองไทยมีผู้ประกอบการที่นำเข้ามาขายระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ค่อยได้มีการทำการตลาดเท่าที่ควร คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักหรือรู้ว่ามีเครื่องดื่มนี้ในตลาด สินค้าทั้งหมดเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ

พร้อมกันนี้ “อาชิระวัสส์” ยังแสดงทรรศนะด้วยว่า “เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ดังกล่าว เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับคนที่ต้องการจะลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง และจะทำให้คนดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงตามนโยบายของทางการ และจากการศึกษาของหลาย ๆ ประเทศก็พบว่า เครื่องดื่มใหม่นี้จะไม่มีผลในแง่ของการดึงเยาวชนหรือกลุ่มผู้ดื่มหน้าใหม่เข้ามาในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”

“สำหรับทิศทางของบริษัทเอง นอกจาก Hite Zero ที่เรานำเข้าจากเกาหลีมาทำตลาดแล้ว ยังมีแผนจะนำแบรนด์ของบริษัทเอง ซึ่งจะผลิตจากโรงงานในประเทศเวียดนามเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาค่ายเบียร์หลายค่ายต่างก็ทยอยผลิตเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำเข้ามาทำตลาดเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็น ไทเกอร์ แรดเลอร์ แอลกอฮอล์ 2% (กลุ่มบริษัททีเอพี) เชียร์ส Siam Weizen แอลกอฮอล์ 4% (กลุ่มบริษัททีเอพี), ยูเบียร์ แอลกอฮอล์ 4.5% (สิงห์), มายเบียร์ แอลกอฮอล์ 4.5% (สิงห์), สโนว์วี่ ไวเซ่น by est.33 แอลกอฮอล์ 4% (สิงห์) ฮันทส์เมน Cloudy Wheat Beer แอลกอฮอล์ 4% (ไทยเบฟ) และแบล็ค ดราก้อน เบียร์แดง แอลกอฮอล์ 4% (ไทยเบฟ)

ตอนนี้ในตลาดนอกจากไฮเนเก้น ที่นำ “ไฮเนเก้น 0.0” จากเนเธอร์แลนด์ เข้ามาทำตลาดแล้ว ก็ยังมีคราฟต์เบียร์นำเข้าที่เป็นน็อนแอลกอฮอล์อีกจำนวนหนึ่งด้วย ตลอดจนบริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ทั้งซันโตรี่ อาซาฮี และคิริน ที่มีเครื่องดื่มประเภทเบียร์น็อนแอลกอฮอล์อยู่ในพอร์ต ต่างก็สนใจที่จะส่งเบียร์ 0% เข้ามาถล่มด้วย

สำหรับค่ายไทยเบฟฯเจ้าของอาณาจักร “เบียร์ช้าง” ขณะนี้ แม้ว่าอาจจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญกับตลาดเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่นี้ แต่ผู้คร่ำหวอดจากวงการเบียร์ระบุว่า เมื่อตลาดเบียร์ 0% ได้รับการยอมรับและมีความต้องการมากพอ และเมื่อโอกาสมาถึง ไทยเบฟฯซึ่งมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งในแง่ของฐานการผลิตที่มีทั้งในไทย และเวียดนาม เงินทุน ทีมงาน ฯลฯ ต้องโดดลงมาร่วมวงเพื่อสร้างการเติบโตของเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่

ท้ายที่สุด ไทยเบฟฯคงไม่ยอมตกขบวน จากนี้ไป เบียร์ 0% จะค่อย ๆ โตขึ้น ๆ แน่นอน