นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางของบริษัทในช่วง 3-5 ปีจากนี้ต้องการที่จะเพิ่มรายได้จากธุรกิจน็อนออยล์อย่างต่อเนื่อง เพื่อบาลานซ์ความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจน้ำมัน ล่าสุดบริษัทได้เปิดขายแฟรนไชส์ร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อเร่งขยายสาขามากขึ้น โดยเฉพาะทำเลข้างนอกปั๊มน้ำมัน มูลค่าการลงทุนเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท ต่อขนาดพื้นที่ประมาณ 50 ตร.ม. โดยบริษัทจะซัพพอร์ตด้านการทำมาร์เก็ตติ้ง ส่งเสริมการขาย ระบบไอที การบริหารจัดการหน้าร้าน รวมถึงมีทีมที่ปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์โดยเฉพาะ
ขณะที่แบรนด์คอฟฟี่ เวิลด์มีการเปิดขายแฟรนไชส์อยู่แล้ว มูลค่าการลงทุนเริ่มต้น 3.3 ล้านบาทต่อสาขา ในช่วงกลางปีจะทำการรีแบรนด์ให้ทันสมัย รองรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการตกแต่งร้าน ชุดพนักงาน ไปจนถึงเมนูกาแฟ และจะมีการนำเมล็ดกาแฟแบบพิเศษ เช่น ซิงเกิลออริจิ้น จากประเทศต่าง ๆ เช่น เอธิโอเปีย, บราซิล, สุมาตรา ฯลฯ เข้ามาวางจำหน่ายในรูปแบบดริป สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และตอกย้ำการเป็นร้านกาแฟพรีเมี่ยม
ปัจจุบันบริษัทมีสาขากาแฟพันธุ์ไทยอยู่ที่ 203 สาขา และมีสาขาคอฟฟี่ เวิลด์อยู่ที่ 71 สาขา และภายใน 5 ปีหลังจากเปิดขายแฟรนไชส์ตั้งเป้าที่จะมีสาขาของร้านกาแฟทั้งหมด 1,402 สาขา แบ่งเป็นกาแฟพันธุ์ไทย 1,170 สาขา และคอฟฟี่ เวิลด์ 232 สาขา และภายในปี 2564 มีแผนที่จะนำธุรกิจกาแฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีรายได้ 1,000 ล้านบาท
นายพิทักษ์ระบุเพิ่มเติมว่า ตลาดร้านกาแฟในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยฐานผู้บริโภคที่ขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ซึ่งบริษัทมีแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มกลางล่างและพรีเมี่ยม
สำหรับโครงสร้างธุรกิจน็อนออยล์ในปัจจุบัน แบ่งเป็นร้านสะดวกซื้อแมกซ์ มาร์ท (Max Mart), ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่ เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร และร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก, Autobacs และ Max CAMP
