ค้าส่งเยอรมัน บุกเมียนมา สยายปีก เมโทร รับธุรกิจท่องเที่ยว

คอลัมน์ MARKET MOVE

นับตั้งแต่เมียนมาเปิดประเทศรับการลงทุนเสรีเมื่อปี 2553 ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศทั้งนักธุรกิจที่มาหาโอกาสลงทุนและนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเม็ดเงินเหล่านี้ช่วยสร้างกลุ่มชนชั้นกลางกำลังซื้อสูงขึ้นมา ส่งผลต่อเนื่องไปยังธุรกิจบริการอย่าง ร้านอาหารและโรงแรมให้บูมตามไปด้วย สะท้อนจากตัวเลขจำนวนโรงแรมและห้องพักซึ่งเพิ่มจาก 768 แห่ง 24,914 ห้องเมื่อปี 2553-2554 เป็น 1,628 แห่ง 65,470 ห้องในปีที่แล้ว รวมถึงมีนโยบายเปิดดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาชดเชยนักท่องเที่ยวจากชาติตะวันตก เรื่องนี้กลายเป็นโอกาสของผู้ค้าส่งที่จะเข้ามาซัพพลายสินค้าให้กับธุรกิจเหล่านี้

โดย “เมโทร” (Metro) ผู้ค้าส่งรายใหญ่สัญชาติเยอรมัน นับเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการจากชาติตะวันตกเพียงไม่กี่รายที่เดินหน้าลงทุนในประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง แม้จะยังมีปัญหาหลายด้าน อาทิ การเมืองระหว่างประเทศ สะท้อนชัดจากการกู้เงิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเวิลด์แบงก์เพื่อลงทุนเพิ่มในเมียนมาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

สำนักข่าว นิกเคอิ รายงานว่า “เมโทร” เดินหน้าลงทุนในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลงทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งศูนย์โลจิสติกส์ขนาดยักษ์พื้นที่รวมกว่า 5,800 ตร.ม. ในเมียนมาที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทิลาวา ใกล้กับกรุงย่างกุ้งอดีตเมืองหลวง เพื่อส่งอาหารสดและสินค้าอื่นให้ผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ รวมถึงตั้งเป้าหาสินค้าจากภายในประเทศให้ได้ถึง 75% เป็นไปตามแผนที่จะให้ประเทศนี้เป็นฮับสำหรับส่งออก

ทั้งนี้ ยักษ์ค้าส่งเยอรมันถือเป็นแบรนด์หน้าใหม่ของตลาด หลังเข้ามาตั้งบริษัทร่วมทุน “เมโทร โฮลเซล เมียนมา” (Metro Wholesale Myanmar) ร่วมกับพันธมิตรจากสิงคโปร์เมื่อปี 2560 และเริ่มดำเนินงานเมื่อปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 300 ราย และไลน์อัพสินค้ากว่า 2,000 รายการ ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการปรับตัวรับเทรนด์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเน้นขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์

“เจน มิเชล” ซีอีโอของเมโทร โฮลเซล เมียนมา กล่าวว่า เมียนมาเติบโตแบบก้าวกระโดดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตตามไปด้วย แม้นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะลดลงในช่วง 1-2 ปีนี้ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวจากไทยและจีนเข้ามาทดแทนอีกมากแน่นอน

สอดคล้องกับตัวเลขจากกระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมของเมียนมาที่ระบุว่า ปี 2561 นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาเหนือลดลง 20% แต่นักท่องเที่ยวจากเอเชียเพิ่มขึ้น 12% รวมเป็นมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2.6% โดยมีตัวแปรสำคัญเป็นนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 40% และนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น-เกาหลีเพิ่มขึ้น 31% ด้วยผลของนโยบายวีซ่าออนแอริวอลช่วยเพิ่มยอดช่วงตรุษจีนขึ้นเท่าตัว และการยกเว้นวีซ่าให้ชาวญี่ปุ่น-เกาหลี


อย่างไรก็ตาม ยังเหลือความท้าทายเรื่องราคาสินค้า เพราะนักท่องเที่ยวเอเชียมีแนวโน้มใช้จ่ายน้อยกว่ายุโรปและอเมริกาเหนืออย่างชัดเจน ทำให้ธุรกิจร้านอาหาร-โรงแรมเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อเรียกลูกค้า จึงต้องลดต้นทุนด้านวัตถุดิบตามไปด้วย ทั้งนี้ ต้องจับตาดูว่าในระยะยาวการปรับตัวของเมโทรในเมียนมาจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้ราบรื่นตามที่บริษัทวางแผนเอาไว้หรือสุดท้ายแล้วจะต้องขายกิจการเหมือนในเวียดนาม