สาวก Game Of Thrones พร้อมเปย์หนักมาก

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

ในยุคที่วิดีโอสตรีมมิ่งรุ่งเรืองแบบสุด ๆ จนทำให้แพลตฟอร์มการดูหนังประเภทนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่นเดียวกับคอนเทนต์ ที่แต่ละค่ายปล่อยออกมาเอาใจมิตรรักแฟนคลับแบบไม่หยุด ทั้งซีรีส์ ทั้งหนัง เรียกได้ว่าเรื่องไหนได้รับความนิยมก็ทุ่มทุนสร้างต่อ หรือมีการปล่อยตอนใหม่ ๆ ออกมาให้ชมทุกสัปดาห์

ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งคอนเทนต์ในสตรีมมิ่งออนไลน์ คงไม่มีใครปฏิเสธกระแสความร้อนแรงของซีรีส์เรื่องนี้ไปได้ เพราะทุกครั้งที่ออนแอร์ “Game Of Thrones” มักจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแวดวงนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขของเรตติ้งที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเอชบีโอ การใช้ทุนสร้างมากที่สุด และความอลังการของฉากต่อสู้ในแต่ละตอน จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นซีรีส์ที่มีคนดูมากที่สุดในโลก

ยิ่งนับถอยหลังสู่วันฉายซีซั่นสุดท้าย (ซีซั่นที่ 8) วันที่ 14 เมษายนที่จะถึงนี้ กระแสของ “เกม ออฟ โทรนส์” ยิ่งเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ โดยเฉพาะในต่างประเทศ ที่ไม่เพียงถูกโปรโมตด้วยการยิงทีเซอร์จากช่องเอชบีโอ เผยเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างละนิด กระตุ้นความอยากรู้ของบรรดาสาวกเพื่อโหมโรงก่อนวันฉายจริง

สินค้าจำนวนมากยังร่วมสร้างกระแสไปพร้อม ๆ กับซีรีส์นี้ โดยจับมือกันออกรุ่นลิมิเต็ดออกมาเอาใจนักสะสม และแฟน ๆ ตั้งแต่แบรนด์รองเท้า, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, คุกกี้, น้ำอัดลม ฯลฯ ซึ่งหลายอย่างก็มีวางขายในประเทศไทย เพราะแฟนคลับที่นี่ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าวิ่ง อาดิดาส อัลตร้า บูทส์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น รุ่น Game Of Thrones ที่คอลลาบอเรชั่นร่วมกับทางเอชบีโอ เจ้าของลิขสิทธิ์ซีรีส์ดังกล่าว โดยวางจำหน่ายในไทยช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 6 รุ่น ตามตัวละครในเรื่อง อาทิ ไนท์ส วอชท์, ไวท์ วอล์กเกอร์, ตระกูลทาแกเรียน, ตระกูลสตาร์ค และตระกูลแลนิสเตอร์ ราคาคู่ละ 7,300 บาท

“อัลเบโต้ อันซินี แมงจาเนลลี” ผู้จัดการทั่วไป อาดิดาส รันนิ่ง ระบุถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้ว่า ซีรีส์ดังกล่าวได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของแพลตฟอร์มตัวเอง กลายเป็นกระแสในพ็อปคัลเจอร์ที่มีคนติดตามจำนวนมาก และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับโปรเจ็กต์นี้

ขณะที่ “เจฟฟ ปีเตอร์” รองประธานฝ่ายการค้าและลิขสิทธิ์ เอชอีโอ ก็มั่นใจว่าคอลเล็กชั่นนี้จะเป็นที่สนใจของนักกีฬา นักสะสมรองเท้า แฟชั่นนิสต้า และสาวกซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน ความร้อนแรงของซีรีส์นี้ ยังทำให้บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง

“ไวท์วอล์กเกอร์” วิสกี้ในตระกูลของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่นำแคแร็กเตอร์ของตัวละครในเรื่องอย่าง ไวท์ วอล์กเกอร์ มาเบลนด์ในสูตรเฉพาะ และใช้หมึกพิเศษในการพิมพ์ฉลาก เมื่อแช่เย็นถึงอุณหภูมิที่กำหนด ฉลากนั้นจะปรากฏคำว่า “Winter Is Here” ขึ้นมา

“จรินี วงศ์กำทอง” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บริษัทได้เริ่มนำไวท์ วอล์กเกอร์ เข้ามาจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย จึงสั่งผลิตและนำเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม พร้อมกับเปิดตัว “เกม ออฟ โทรนส์ ซิงเกิล มอลต์ วิสกี้ คอลเล็กชั่น” ที่ประกอบไปด้วย ซิงเกิล มอลต์ วิสกี้ ทั้งหมด 8 รุ่น รับกับการเปิดตัวซีซั่นที่ 8 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้ด้วย

“หลังจากที่เราวางขายคอลเล็กชั่นของซิงเกิลมอลต์ไปก่อนหน้านี้ในสหรัฐอเมริกา พบว่า 80% ของสินค้าถูกจำหน่ายไปในระยะเวลาเพียง 8 สัปดาห์เท่านั้น ขณะที่ยุโรปขายหมดตั้งแต่เปิดรับพรีออร์เดอร์เพียง 2 ชั่วโมง เราจึงมั่นใจว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งจากแฟน ๆ ในประเทศไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยิ่งใกล้วันออนแอร์ของซีซั่นสุดท้าย ยิ่งเห็นการออกมาทำตลาดของหลาย ๆ แบรนด์อย่างหนาตา ไม่ว่าจะเป็น “โอรีโอ” ในแพ็กเกจจิ้งแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น เกม ออฟ โทรนส์ โดยมีลวดลายของคุกกี้ 4 แบบ ตามสัญลักษณ์ของตระกูล และแคแร็กเตอร์ต่าง ๆ จากซีรีส์

รวมถึงค่ายน้ำอัดลมยักษ์ใหญ่อย่าง “เป๊ปซี่” ภายใต้แบรนด์ “เมาน์เท่นดิว” ที่ได้ส่งแพ็กเกจจิ้งพิเศษ กระป๋องสีขาวล้วน แต่เมื่อแช่จนเย็นจัด จะปรากฏลิสต์รายชื่อของอาร์ย่า (หนึ่งในตัวละครหลัก) ที่ต้องการล้างแค้นให้กับครอบครัวของเธอ ปรากฏขึ้นบนกระป๋องนั้น ตลอดจนแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง “เออเบิล ดีเคย์” ที่เตรียมเปิดตัว เกม ออฟ โทรนส์ คอลเล็กชั่น ที่ได้แรงบันดาลใจจากสถานที่ต่าง ๆ และตัวละครในเรื่อง ในรูปแบบของพาลเลตแต่งหน้า ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น วางขายในวันเดียวกันกับวันแรกที่ซีรีส์ออนแอร์

และยังมีสินค้าจากแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชาย “จอห์น วาร์วาโทส” ที่ร่วมมือกับเอชบีโอ เปิดตัวแคปซูลคอลเล็กชั่น “John Varvatos x Game of Thrones” ประกอบไปด้วย แจ็กเกตหนัง, เสื้อเชิ้ต, กางเกง ฯลฯ ราคาตั้งแต่ 98-2,698 เหรียญสหรัฐ วางจำหน่ายต้นเดือนที่ผ่านมาในช่องทางออนไลน์


งานนี้นอกจากเอชบีโอจะกวาดเรตติ้งกระจายแล้ว ค่าลิขสิทธิ์ที่ให้หลาย ๆ โปรดักต์นำไปพัฒนาต่อก็คงเป็นเม็ดเงินที่ไม่น้อยเช่นกัน