MARKET MOVE
กระแสการรุกตลาดแดนมังกรของญี่ปุ่นยังเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์ความงามซึ่งมีการแข่งขันดุเดือดทั้งกับผู้เล่นท้องถิ่นที่เริ่มมาแรงและบริษัทข้ามชาติอื่น ๆ ส่งผลให้แบรนด์ญี่ปุ่นต้องเพิ่มความ
เข้มข้นให้มากขึ้นตามไปด้วย เพื่อชิงความได้เปรียบ หนึ่งในนั้นคือ “ชิเซโด้” ยักษ์สินค้าความงามจากแดนปลาดิบที่ตัดสินใจอัพเกรดกลยุทธ์ในจีนของตนไปอีกขั้น ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ “อาลีบาบา” อีคอมเมิร์ซรายใหญ่เจ้าของแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง “ทีมอลล์” (T-Mall) ซึ่งนอกจากแผนพัฒนาสินค้าและทำการตลาดร่วมกันตามปกติแล้ว ยังมีการเข้าไปตั้งออฟฟิศใหม่ใกล้กับสำนักงานของอาลีบาบาอีกด้วย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “ชิเซโด้” ได้เซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับ “อาลีบาบา” เพื่อร่วมมือด้านการพัฒนาสินค้าสำหรับผู้บริโภคชาวจีนโดยเฉพาะสำหรับวางขายในช่องทางทีมอลล์ ขณะเดียวกันยักษ์ความงามจากญี่ปุ่นยังตัดสินใจเข้าไปตั้งออฟฟิศใหม่ในเมืองหางโจวใกล้กับสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา เพื่อให้เป็นฐานปฏิบัติงานของทีมเฉพาะกิจ Shiseido?Alibaba Strategic Development Office ที่เกิดจากความร่วมมือครั้งนี้อีกด้วย
“เคนทาโร ฟูจิวาระ” ซีอีโอของชิเซโด้ประเทศจีน ระบุว่า ออฟฟิศใหม่นี้จะมีพนักงานของชิเซโด้มาประจำประมาณ 20 คน และตั้งอยู่ในระยะที่สามารถเดินเท้าไป-กลับจากสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาได้ เพื่อให้สามารถประสานงานกับทีมวิจัย-พัฒนาสินค้าของอาลีบาบาและของแพลตฟอร์มค้าปลีกทีมอลล์ได้อย่างใกล้ชิด ในการเสริมแกร่งการทำตลาดในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดนอกประเทศที่ใหญ่และสำคัญที่สุด สะท้อนจากยอดขายปี 2561 เติบโตถึง 32.3% เป็น 1.16 หมื่นล้านหยวน คิดเป็น 17.4% ของรายได้รวม
โดยหลังจากนี้เตรียมลอนช์สินค้าใหม่ 2 รายการ คือ แชมพูสูตรสดชื่น และเอสเซนเชียลออยล์สำหรับผมแตกปลาย ภายใต้แบรนด์ “อะแคว” Aquair ซึ่งจะมีขายเฉพาะในทีมอลล์เท่านั้น และภายในปีนี้จะนำสินค้าสำหรับแม่และเด็กเข้ามาวางขายในช่องทางนี้ด้วยเช่นกัน
“การรวมโนว์ฮาวด้านอีคอมเมิร์ซและบิ๊กดาต้าของอาลีบาบาเข้ากับความชำนาญด้านวิจัย-พัฒนาสินค้าของชิเซโด้ในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์ชาวจีนได้ตรงจุด และช่วยให้ยอดขายออนไลน์ในจีนมีสัดส่วนถึง 40% ภายในปี 2563 ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน”
ด้าน “ไมค์ ฮู” ประธานของทีมอลล์ เสริมว่า นอกจากการพัฒนาสินค้าใหม่ให้ตรงใจผู้บริโภคแล้ว ศักยภาพของทีมทีมอลล์ยังช่วยลดเวลาวิจัยพัฒนาสินค้าให้สั้นลงได้หลายเดือน จากปกติที่ต้องใช้เวลาประมาณ 18-24 เดือนจึงพร้อมวางตลาด
ต้องรอดูกันว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับชิเซโด้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ได้หรือไม่ และแบรนด์อื่น ๆ จtตอบสนองกับความเคลื่อนไหวนี้อย่างไรกันบ้าง