ช่อง 3 ขาดทุนหนักในรอบ 48 ปี เตรียมยื่นคืนช่องเร่งปั๊มรายได้โตรอบทิศ

ขาดทุนใหญ่รอบ 48 ปี “บีอีซี” เตรียมยื่นสิทธิ์ขอคืนทีวีดิจิทัล แบ่งรับแบ่งสู้รอฟังรายละเอียดชัด ๆ จาก กสทช.ก่อนตัดสินใจคืน-ไม่คืน พร้อมเดินหน้าธุรกิจปีེ ต่อเร่งฟื้นรายได้ธุรกิจทีวี ขายลิขสิทธิ์ละครในต่างประเทศ คาดสิ้นปีนี้กลับมาเติบโตอีกครั้ง

นายสมชัย บุญนำศิริ ประธานกรรมการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่อง 33 เอชดี ช่อง 28 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลใช้มาตรา 44 ปลดล็อกให้ทีวีดิจิทัลคืนช่องได้นั้น บริษัทก็จะแจ้งความจำนงต่อ กสทช.เพื่อคืนช่องภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามก็ต้องรอรายละเอียดและเงื่อนไขที่ชัดเจนอีกครั้ง หลังวันที่ 10 พ.ค.นี้เช่นกัน

“ช่วงนี้บริษัทยังมีเวลาในการตัดสินใจว่าจะคืนช่องทีวีดิจิทัลหรือไม่ โดยบริษัทจะใช้สิทธิ์คืนช่องแก่ กสทช.ก่อน แต่หากเงื่อนไขที่ กสทช.ใหม่ ไม่จูงใจก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่คืนก็ได้ แต่อย่างไรบริษัทต้องยื่นความจำนงก่อน”

อย่างไรก็ตาม มาตรการความช่วยเหลือทีวีดิจิทัลที่ออกมา ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านใบอนุญาตทีวีดิจิทัลของบริษัทที่เหลืออยู่อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าการประมูลทั้งหมด 6,471 ล้านบาท แบ่งเป็น ช่อง 33 เอชดี 3,530 ล้านบาท ช่อง 28 เอสดี 2,275 ล้านบาท และช่อง 13 แฟมิลี่ 666 ล้านบาท

นอกจากนี้ กสทช.ยังจะสนับสนุนค่าเช่าโครงข่ายให้ตลอดอายุใบอนุญาตที่เหลืออยู่อีก 9 ปี 6 เดือน ซึ่งจะทำให้ปีนี้บริษัทลดต้นทุนได้เฉลี่ย 400 ล้านบาท

สำหรับทิศทางธุรกิจปีนี้ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมุ่งเน้นการทำให้ธุรกิจหลักเติบโตขึ้นจาก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.การเพิ่มรายได้ทีวี ด้วยการปรับแผนการโปรโมตละครใหม่ เป็นทั้งก่อนและระหว่างออกอากาศ และเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและกระตุ้นการรับชม รวมถึงจัดกิจกรรมออนกราวนด์ต่อเนื่อง และจะมีการ

จัดแพ็กขายแบบ total integrate package และเพิ่มการขายแบบ nonagency มีการปรับรายการข่าวเพื่อเพิ่มเรตติ้งด้วยตามด้วย 2.การเพิ่มรายได้จากการขายสิทธิ์ต่างประเทศ เดินหน้าขายคอนเทนต์ต่างประเทศมากขึ้น และปรับปรุงประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการขายลิขสิทธิ์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดโลก 3.สร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ เร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม Mello และขยายฐานผู้ชมเพื่อให้เป็น OTT (over-the-top) ชั้นนำของไทย

สุดท้ายคือการปรับโครงสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากจุดแข็งที่มี ผลประกอบการปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 10,486.4 ล้านบาท ขาดทุน 311 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนในรอบ 48 ปี ที่ดำเนินธุรกิจมา