ออฟฟิศเมทลงทุนคลังสินค้า สปีด 3 ปี 900 สาขา/วางระบบรับออนไลน์โต

“ออฟฟิศเมท” เดินหน้าขยายรอบทิศทั้งสาขา-ไลน์อัพสินค้า-แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หวังครองตลาด B2B ไทย-อาเซียน ตั้งเป้าแฟรนไชส์ปีนี้ 15 สาขาก่อนกระโดดเป็น 900 ใน 3 ปี พร้อมเพิ่มสินค้าอาหาร-บรรจุภัณฑ์-ยาสามัญหวังขยายฐานลูกค้าเจาะโฮเรก้า การแพทย์ มั่นใจ 5 ปีนี้เติบโตพุ่ง 15% ต่อปี

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเชนร้านอุปกรณ์สำนักงาน ออฟฟิศเมท ฉายภาพตลาดและทิศทางของออฟฟิศเมทว่า ตลาดลูกค้าองค์กรหรือ B2B นั้น มีศักยภาพสูงทั้งด้านฐานลูกค้าในธุรกิจต่าง ๆ ทั้งสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร การแพทย์ โรงงาน ฯลฯ ตั้งแต่ระดับเอสเอ็มอีไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ซึ่งต้องการแหล่งซื้ออุปกรณ์-เครื่องใช้แบบวันสต็อป เพียงแค่อุปกรณ์สำนักงานก็มีมูลค่าถึง 5.3 หมื่นล้านบาทแล้ว ด้านการแข่งขันยังต่ำกว่าตลาดลูกค้าบุคคล หรือ B2C มาก เนื่องจากไม่มีผู้เล่นรายใหญ่

นอกจากนี้ กลุ่มซัพพลายเออร์ต้องการช่องทางขายและทำตลาดกับลูกค้าองค์กรเช่นกัน จึงเป็นโอกาสที่ออฟฟิศเมทซึ่งมีความพร้อมด้านโลจิสติกส์และโนว์ฮาวจากธุรกิจอุปกรณ์สำนักงานจะชิงเข้าทำตลาดนี้เพื่อยึดหัวหาด เพื่อชิงความได้เปรียบหลังจากนี้จะขยายศักยภาพธุรกิจทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านสาขาซึ่งจะเน้นขยายแฟรนไชส์ “ออฟฟิศเมทพลัส” วางเป้าปีนี้ 15 สาขา เน้นพื้นที่ ตจว.เพื่อความรวดเร็วในการเจาะฐานลูกค้าเอสเอ็มอีและธุรกิจท้องถิ่น

ส่วนระยะยาวตั้งเป้า 900 สาขาใน 3 ปี หรือ 1 สาขาต่ออำเภอ ด้วยการหนุนร้านเครื่องเขียนรายย่อยเข้ามาเป็นแฟรนไชส์ ตามแผนใช้ร้านเหล่านี้เป็นจุดกระจายสินค้าและคลิกแอนด์คอลเล็กต์สำหรับออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกับด้านสินค้าที่ปีนี้จะเพิ่มไลน์อัพให้หลากหลายขึ้นรองรับลูกค้าในธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากออฟฟิศและโรงงาน อาทิ อาหารและบรรจุภัณฑ์สำหรับธุรกิจโฮเรก้า และการขายโซลูชั่น เช่น แพ็กเกจสำหรับผู้เริ่มธุรกิจร้านอาหาร หรือขยายสาขาออฟฟิศใหม่ เป็นต้น ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างศึกษาการทำโอกาสในสินค้ายา-อุปกรณ์การแพทย์สำหรับร้านยาและรับเทรนด์เทเลเมดิซีน

นอกจากนี้ยังขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยโมเดลมาร์เก็ตเพลซแบบ B2B มีกำหนดเปิดช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าได้มากกว่า 4 หมื่นเอสเคยู และสร้างรายได้จากค่าบริการการตลาดและบริหารจัดการโลจิสติกส์ ย้ำโพซิชั่นวันสต็อปเซอร์วิสสำหรับตลาด B2B

ทั้งนี้ อาศัยความพร้อมด้านโลจิสติกส์หลังคลังสินค้าแห่งใหม่ขนาด 5 หมื่นตารางเมตร และมีระบบจัดการแบบอัจฉริยะในจังหวัดฉะเชิงเทราเริ่มดำเนินการช่วยให้สามารถจัดการคำสั่งซื้อได้ถึง 10,000 ออร์เดอร์ต่อวัน หรือมากกว่าเดิม 5 เท่า และสามารถรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทรวมถึงผู้ค้าของแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลซได้อีกอย่างน้อย 5 ปี ขณะเดียวกันยังเป็นฮับสำหรับรุกอีอีซีอีกด้วย


ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้มั่นใจว่าในช่วง 5 ปีจากนี้จะสามารถมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี และในระยะยาวจะขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจ B2B ทั้งออฟไลน์และอีคอมเมิร์ซ เช่นเดียวกับ อาลีบาบา ของจีนได้แน่นอน