7-11ทุ่มหมื่นล้านผุด700สาขา ลุยพื้นที่ท่องเที่ยวบุกลาว-เขมร

เซเว่นอีเลฟเว่น ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน รับค้าปลีกโต เปิดอีก 700 สาขา เน้นโมเดลสแตนด์อะโลนเจาะท่องเที่ยว-เขตศก.พิเศษ ปีོ ทะลุ 13,000 สาขา อัพเกรดสาขา เพิ่มไลน์อาหาร-สินค้าสุขภาพ-ความงาม เล็งปักธง “ลาว-กัมพูชา”

ปูพรมร้านสแตนด์อะโลน

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น กล่าวถึงทิศทางธุรกิจค้าปลีกปีนี้ว่า ตามข้อมูลของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาดว่าตลาดค้าปลีกโดยรวมมีโอกาสจะเติบโต 3.5-3.8% คิดเป็นมูลค่าราว ๆ 3.6 ล้านล้านบาท เช่นเดียวกับเซ็กเมนต์ร้านสะดวกซื้อซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว สำหรับแผนการขยายธุรกิจร้านสะดวกซื้อของบริษัท ปีนี้มีแผนจะลงทุนเพิ่มประมาณ 1.15-1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 700 สาขา ด้วยงบประมาณ 3.8-4 พันล้านบาท ต่อเนื่องจากปีก่อนที่เปิดสาขาใหม่เพิ่ม 720 สาขา ทำให้สิ้นปีที่ผ่านมา เซเว่นฯมีสาขาทั้งสิ้น 10,988 สาขา และตั้งเป้าว่าจะมีจำนวนสาขาครบ 13,000 สาขาในปี 2564 ขณะเดียวกันก็จะมีการทุ่มงบฯราว ๆ 2.4-2.5 พันล้านบาท สำหรับการรีโนเวตและอัพเกรดสาขาต่าง ๆ ให้ทันสมัยมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีแผนจะลงทุนอีกประมาณ 4 พันล้านบาท สำหรับการสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ และการอัพเกรดศูนย์กระจายสินค้าที่ปัจจุบันมี 19 แห่ง และจะใช้งบฯอีกประมาณ 1.3-1.4 พันล้านบาท สำหรับการลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

นายก่อศักดิ์ระบุว่า การเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ หลัก ๆ จะเน้นร้านที่เป็นโมเดลสแตนด์อะโลน ในสัดส่วน 40-50% พร้อมกับจะมีการขยายพื้นที่วางสินค้าให้มากขึ้น เพื่อย้ำจุดแข็งด้านขนาดร้านที่สามารถวางสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งการมีพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยจะโฟกัสพื้นที่ตามแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ ก็จะจับมือกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ อาทิ อสังหาฯ โรงพยาบาล สถานศึกษา เพื่อขยายสาขาเข้าไปในโครงการต่าง ๆ ด้วย

“โมเดลร้านสแตนด์อะโลนที่มีที่จอดรถ แม้จะใช้งบฯลงทุนสูงกว่าโมเดลปกติ แต่ก็เป็นโมเดลที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และช่วยขยายรัศมีการให้บริการของสาขาได้กว้างขึ้น”

เดินหน้าเพิ่มสินค้า-บริการ

นายก่อศักดิ์กล่าวต่อไปว่า นอกจากการลงทุนเพื่ออัพเกรดสาขาเดิมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว ในส่วนของการเพิ่มสินค้า บริษัทจะมีการเพิ่มไลน์อัพสินค้าในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น เช่น อาหารที่ลดเกลือ อาหารที่มีแคลอรีต่ำ สินค้าสมุนไพรให้หลากหลายขึ้น รวมถึงการจับมือเชฟชื่อดังเพื่อพัฒนาเมนูอาหารพร้อมทานใหม่ ๆ เพื่อขยายไลน์อัพอาหารให้มีความครอบคลุมมากขึ้น และจะมีการขยายมุมสินค้าความงาม “ออลล์ บิวตี้ คอร์เนอร์” และยาสามัญ-อุปกรณ์การแพทย์ “เอ๊กซ์ต้า” (eXta) ตามเทรนด์สุขภาพ-สังคมสูงวัย รวมถึงการทำหน้าที่เป็นแบงกิ้งเอเย่นต์หรือการเป็นตัวแทนธนาคารในการรับฝากเงิน โดยอาศัยโนว์ฮาวของเคาน์เตอร์เซอร์วิสและไทยสมาร์ทการ์ดที่เป็นบริษัทย่อยมาปรับใช้เพื่อรองรับสังคมไร้เงินสด จากปัจจุบันที่ได้จับมือกับแบงก์กรุงศรี กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ เช่นเดียวกับบริการขนส่ง “สปีดดี” ที่มีให้บริการอยู่ประมาณ 3,800 สาขา ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จะขยายให้ครบทุกสาขาในอนาคตรับกระแสอีคอมเมิร์ซ ขณะเดียวกันได้เริ่มมีการทดลองเปิดร้านที่มีจุดชำระสินค้าด้วยตนเองและระบบจัดการสินค้าอัตโนมัติจำนวนหนึ่งเพื่อควบคุมต้นทุนด้านบุคลากร

“ส่วนสาขาในปั๊มน้ำมัน ปตท. จะยังเดินหน้าต่อเนื่องตามจำนวนปั๊มที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ร้านเซเว่นฯมีสาขาในปั๊ม ปตท.ประมาณ 1,574 สาขา โดยจะมีการต่อสัญญาทุก 10 ปี ซึ่งสัญญาฉบับปัจจุบันเหลือระยะเวลาอีก 5 ปี”

เล็งเปิดสาขาในลาว-กัมพูชา

ประธานบริษัท ซีพี ออลล์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนตลาดต่างประเทศขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท เซเว่นอีเลฟเว่น อิงก์ เรื่องสิทธิตั้งสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในลาวและกัมพูชา คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2 นี้ โดยประเมินจากจำนวนประชากร 6.9 ล้านคนในลาว และ 16 ล้านคนในกัมพูชา เชื่อว่าทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพ สามารถขยายสาขาได้ประมาณ 1 ใน 3 ของไทยหรือรวมประมาณ 3,300 สาขา

สำหรับธุรกิจอื่น ๆ จากนี้ไป บริษัทมีแผนจะนำร้านกาแฟ-เบเกอรี่ “เบลินี่ เบค แอนด์ บรูว” (Bellinee’s Bake & Brew) ออกไปเปิดให้บริการตามห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ และสถานศึกษาในต่างจังหวัดมากขึ้น หลังประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้านักเรียน-นักศึกษาใน กทม.-ปริมณฑล ส่วนร้านค้าส่งขนาดใหญ่ “แม็คโคร” ก็มีแผนจะออกไปเปิดสาขาในต่างประเทศเพิ่ม ทั้งกัมพูชา อินเดีย จีน และเมียนมา ตามเป้าขึ้นเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาครองรับดีมานด์ทั้งผู้ค้าปลีกรายย่อย โฮเรก้าและธุรกิจบริการ โดยเน้นการจับมือพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อความรวดเร็วของการขยายธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปีที่ผ่านมาร้านสะดวกซื้อในประเทศมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 17,205 สาขา หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 954 สาขา โดยเซเว่นอีเลฟเว่นมีสาขามากเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนสาขา 10,988 สาขา คิดเป็น 64% รองลงมาเป็นเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส 1,607 สาขา หรือ 9% และแฟมิลี่มาร์ท 1,186 สาขา หรือ 6% สำหรับปี 2562 บริษัท ซีพี ออลล์ ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 7% จากปีก่อนที่รายได้รวม 527,860 ล้านบาท กำไร 20,930 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 138,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.6% มีกำไรสุทธิ 5,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% โดยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจค้าส่งสยามแม็คโคร ล่าสุดมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งโครงสร้างบริหาร โดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและกรรมการบริษัทได้ขอลาออก โดยมีผล 9 พ.ค. 2562 และมีการอนุมัติแต่งตั้งนายสุภกิต เจียรวนนท์ เป็นประธานกรรมการแทน