ฝ่าวงล้อม กำลังซื้อ ไอ.พี.เทรดดิ้งดันยอดต่างประเทศ

หลังจัดการหลังบ้าน ตระเตรียมความพร้อมองค์กรตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ “ไอ.พี. เทรดดิ้ง” บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคสัญชาติไทย เจ้าของแบรนด์ ไฮยีน, วิกซอล ฯลฯ จัดทัพ ขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่ นั่นคือการดับเบิลธุรกิจ ผลักดันยอดขายให้เติบโตแตะหมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปีต่อจากนี้

“ธิติ ธเนศวรกุล” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ.พี. เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า “ไฮยีน”, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ “วิกซอล” บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศคือแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ไอ.พี.เทรดดิ้งไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งวันนี้เขามองภาพการเติบโตไปไกลถึงระดับภูมิภาค โดยจะมีกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เป็นอีกตลาดสำคัญที่จะเพิ่มยอดขายในต่างประเทศให้เติบโตมากขึ้น จากปัจจุบันที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของรายได้ทั้งบริษัท

ดังนั้นเพื่อผลักดันให้ “ไฮยีน” และ “วิกซอล” ติดท็อปทรีของกลุ่มสินค้าดูแลผ้าและทำความสะอาดพื้นห้องน้ำในแต่ละประเทศเช่นเดียวกับในไทย ปีนี้จึงเริ่มปรับโครงสร้างการทำธุรกิจในต่างประเทศ ด้วยการเข้าไปทำคอนซูเมอร์รีเสิร์ชเพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภคในแต่ละประเทศ รวมทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดิสทริบิวเตอร์ที่มีอยู่ในลาว กัมพูชา หาแนวทางการทำธุรกิจที่ชัดเจนเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน ควบคู่กับในเวียดนามที่ไอพีเทรดดิ้งมีบริษัทดูแลเรื่องการขายเอง

และล่าสุด เตรียมร่วมทุนกับโลคอลพาร์ตเนอร์ตั้งบริษัทในเมียนมาที่จะดูแลการขายสินค้าทั้งหมดของไอพีเทรดดิ้งในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อรุกเมียนมาอย่างจริงจัง รับกับโอกาสของตลาดที่มีประชากรจำนวนมากที่คุ้นเคยกับสินค้าไทยและเป็นตลาดเกิดใหม่ที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยพาร์ตเนอร์รายนี้มีเครือข่ายการกระจายสินค้าของตัวเอง และมีความรู้ความเข้าใจตลาดเป็นอย่างดี จะช่วยให้การกระจายสินค้าของไอพีเทรดดิ้งไปได้กว้างและเร็วมากขึ้น

ควบคู่กับการขยายตลาดในจีนที่จะมีโยเกิร์ตพร้อมดื่ม “ไอวี่” เป็นสินค้าเรือธง ที่เริ่มเข้าไปขยายตลาดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการขยายตัวของตลาดสินค้านำเข้าในจีน เนื่องจากคนจีนไม่มั่นใจในสินค้าที่ผลิตในประเทศ จึงเป็นโอกาสของสินค้านำเข้าจาก นิวซีแลนด์ ไทย เวียดนาม ยุโรป ฯลฯ ที่แม้จะมีราคาสูงกว่าสินค้าโลคอลแต่ผู้บริโภคยินดีจ่ายเพื่อสินค้าที่มั่นใจได้เรื่องคุณภาพ

เมื่อชาวจีนเชื่อมั่นคุณภาพสินค้าไทย และส่วนหนึ่ง คุ้นเคยกับสินค้าจากการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย “ธิติ” เชื่อว่าโอกาสการเติบโตของไอวี่ยังไปได้อีกไกล ต่อจากนี้จึงจะขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายทั้ง 3 รายที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในช่องทางเดิมที่มีและเพิ่มช่องทางขายใหม่ ๆ ซึ่งยังมีพื้นที่ให้ขยายได้อีกมาก จากปัจจุบันที่มีสินค้าจำหน่ายอยู่บริเวณมณฑลทางใต้ เช่น กวางตุ้ง เสฉวน ฯลฯ เป็นหลัก

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัท จึงมีแผนขยายกำลังการผลิตทั้งในโรงงานเดิมและสร้างโรงงานแห่งใหม่ โดยปีนี้ใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เริ่มปรับปรุงโรงงานเดิมที่บางปูตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาพร้อมทั้งสร้างตึกผลิตใหม่ในพื้นที่เดียวกันเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายในบ้าน คาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องได้เต็มที่ในภายในไตรมาส 1 ปี 2561 รวมทั้งปรับปรุงดีซีให้รองรับการจัดเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 70% ขณะที่แผนสร้างโรงงานในพื้นที่ใหม่ ย่านสมุทรปราการยังอยู่ระหว่างการร่างแบบโรงงาน ก่อนเริ่มก่อสร้างช่วงปีหน้า

สำหรับทิศทางในประเทศที่มีผลิตภัณฑ์ไฮยีนและวิกซอลเป็นกลุ่มสินค้าหลัก จะเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่องด้วยการพัฒนาทีมงานให้มีความแข็งแรง มีนวัตกรรมสินค้าออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ทำกิจกรรมการตลาด-โปรโมชั่นที่เอ็นเกจกับผู้บริโภคให้เกิดการทดลองใช้จนเกิดการซื้อซ้ำ รวมทั้งเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้นด้วยการเสริมความแข็งแรงด้านการกระจายสินค้า ที่ได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นตั้งศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าให้กับไอพีเทรดดิ้งตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนวันนี้มีทั้งหมด 26 ศูนย์กระจายตัวทั่วประเทศที่ทำงานร่วมกับไอพีเทรดดิ้ง สร้างการเติบโตให้กับไฮยีน วิกซอลร่วมกัน รวมทั้งการมีสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อมากขึ้น

ทิศทางเหล่านี้ช่วยให้ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ไอพีเทรดดิ้งมียอดขายเติบโตกว่า 25% สวนกระแสตลาดสินค้าเอฟเอ็มซีจีที่ติดลบกว่า 2.5% ในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าปีนี้จะปิดยอดขายที่ 4,000 ล้านบาท

“กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าไฮยีนที่ปัจจุบันเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรปกติ จากนี้จะมุ่งทำตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มในเซ็กเมนต์สูตรเข้มข้นที่ตลาดยังมีการเติบโตในปีที่ผ่านมากว่า 10% ซึ่งไฮยีนมีส่วนแบ่งอยู่กว่า 11% ด้วยการลอนช์สินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัว ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ ไลฟ์เซ้นท์ เข้าไปทำตลาดในเซ็กเมนต์นี้เพิ่มเติม”

การขยายตัวจากรากฐานที่แข็งแรงทั้งในและต่างประเทศ คือจุดแข็งสำคัญของ “ไอ.พี.เทรดดิ้ง” คอนซูเมอร์โปรดักต์แบรนด์ไทยที่พร้อมเติบโตไกลทั่วภูมิภาค