“อโคนาติค” จัดทัพบุกไฮเอนด์ ชู “ฟังก์ชั่น-ราคา” สู้แบรนด์ดัง

“อโคนาติค” มุ่งขึ้นชั้นแบรนด์ไฮเอนด์ เตรียมขนทัพทีวีรุ่นใหม่ลงตลาดไตรมาส 3 ชูฟังก์ชั่นครบทั้งแอนดรอยด์ 9.0, บลูทูท, จอยักษ์ 65 นิ้ว พร้อมประกัน 3-5 ปี หวังกระทบไหล่อินเตอร์แบรนด์ ด้านช่องทางขายรุกเชนเฟอร์นิเจอร์ อินเด็กซ์-โฮมโปร พร้อมเล็งเพิ่มไลน์อัพเครื่องซักผ้าปีหน้า ก่อนศึกษาโอกาสทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก-สมาร์ทโฮมใน 3-5 ปี มั่นใจปิดปียอดขายโต 25% 2,500 ล้าน

นายอานนท์ บัวดี ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ “อโคนาติค” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงทิศทางของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งกลุ่มภาพและเสียง แอร์เคลื่อนที่และพัดลมไอเย็น มีแนวโน้มเติบโตจากหลายปัจจัย ทั้งการเร่งทำตลาดของแบรนด์ ความเชื่อมั่นหลังเลือกตั้ง การขยายตัวของอสังหาฯ และความนิยมสมาร์ททีวีที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องใหม่ให้ใหญ่และสมาร์ทขึ้น ขณะที่แบรนด์ไทยยังได้อานิสงส์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคระดับกลางทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เปิดรับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไทยมากขึ้น เนื่องจากจุดขายด้านความคุ้มค่าด้วยระดับราคาที่ใกล้เคียงกับแบรนด์จีน แต่มีฟังก์ชั่นทัดเทียมอินเตอร์แบรนด์

โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะทำตลาดทั้งสินค้าภาพและเสียง และอุปกรณ์ทำความเย็น ซึ่งเป็นสินค้าหลักต่อเนื่อง ด้วยการพยายามผลักดันโพซิชั่นของแบรนด์ขึ้นสู่เซ็กเมนต์ไฮเอนด์ เพื่อรับมือแนวโน้มราคาทีวีระดับกลางที่ปรับลดลงเร็ว ในขณะที่รุ่นระดับไฮเอนด์มีแนวโน้มแพงขึ้น โดยเตรียมลอนช์ทีวีรุ่นใหม่ขนาด 32-65 นิ้ว ภายในไตรมาส 3 นี้ ชูจุดขายฟังก์ชั่นสมาร์ทด้วยแอนดรอยด์ทีวีเวอร์ชั่น 9.0 รองรับระบบเอไอ และการสั่งงานด้วยเสียง บลูทูท ฯลฯ ซึ่งทัดเทียมกับอินเตอร์แบรนด์ แต่ราคาถูกกว่าประมาณ 10-20% ให้ใกล้เคียงกับแบรนด์จีนและรับประกันนาน 3-5 ปี

เช่นเดียวกับสินค้าทำความเย็น ทั้งแอร์เคลื่อนที่ที่มุ่งรับดีมานด์ครัวเรือน-ธุรกิจที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์แบบปกติได้ เช่น ห้องเช่า, อพาร์ตเมนต์, แม่ค้าตลาดนัด, ร้านหมูกระทะ เป็นต้น ด้วยจุดขายความสะดวกไม่ต้องเจาะผนังและราคาแพงกว่าพัดลมไอเย็น 2-3 เท่า ซึ่งยอดขายในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) เติบโต 20-30% และชิงส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 60% ส่วนตู้เย็นมินิบาร์เน้นทำตลาดคอนโดฯ ทั้งแบบบีทูซีและบีทูบี

“ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสนำเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กเข้ามาทำตลาดเพิ่ม หลังการเปิดตัวเครื่องซักผ้าและตู้เย็นรุ่นใหม่ในปี 2563 รวมถึงในระยะ 3-5 ปี อาจจะทำตลาดสินค้าสมาร์ทโฮมรับเทรนด์ 5G อีกด้วย”

นายอานนท์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเดินหน้าเพิ่มช่องทางขายใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มเชนเฟอร์นิเจอร์-ของแต่งบ้าน อาทิ เพาเวอร์วันเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในเครืออินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และโฮมโปร พร้อมกับอัพเกรดช่องทางเดิม ทั้งเทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, แม็คโคร ฯลฯ โดยเพิ่มพื้นที่ขายและติดตั้งสื่อโฆษณาแบบพ็อปอัพ ช่วยกระตุ้นความสนใจผู้บริโภคและโชว์ไลน์อัพสินค้า

ด้านการตลาดใช้งบฯ 20 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย แบ่งเป็นสำหรับสื่อสารผ่านออนไลน์ทั้งโปรโมตสินค้าและกิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัล เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง 10 ล้านบาท และอีก 10 ล้านบาท สำหรับส่งเสริมการขายและอัพเกรดช่องทางขาย ไม่ว่าจะเป็นจับมือคู่ค้าในแต่ละพื้นที่จัดงานแฟร์ แคมเปญตามฤดูกาล โดยเตรียมจัดงานใหญ่ช่วงเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ หลังช่วงต้นปีจัดแคมเปญใหญ่ไปแล้วครั้งหนึ่ง

ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่ขณะนี้ได้ตั้งตัวแทนขายทีวี แอร์เคลื่อนที่ และพัดลมไอเย็นในกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามไปแล้ว จากนี้ไปจะโฟกัสเมียนมาซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ และเวียดนามที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในสินค้าไทยสูงเป็นหลัก ด้วยการสนับสนุนตัวแทนในการทำตลาดและสร้างแบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์และโปรโมชั่น และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 15% ของรายได้ จากเดิมที่มีประมาณ 10% และมั่นใจว่าการปรับกลยุทธ์และเน้นทำตลาดทีวีกับแอร์เคลื่อนที่จะช่วยให้ยอดขายปีนี้เติบโต 25% เป็น 2,500 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้