เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะฮิตเว่อร์ แห่เกาะกระแส IoT…โกยยอดโค้งท้าย

คอลัมน์ จับกระแสตลาด
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงครึ่งหลังนี้เริ่มฉายแววความคึกคัก-หวือหวากว่าที่ผ่าน ๆ มา หลังหลายแบรนด์เริ่มนำเทคโนโลยีไอโอที เอไอ และสมาร์ทโฮม ที่เคยเห็นกันในภาพยนตร์ไซไฟ หรือนิยายวิทยาศาสตร์มาเป็นจุดขายหลัก ควบคู่กับเรื่องสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และดีไซน์ ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคและสร้างการเติบโตให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว ยังทำให้เทคโนโลยีที่เคยเป็นเพียงกลุ่มนิชและราคาสูงนี้ มีความหลากหลายและราคาถูกลงจนสามารถจับต้องได้มากขึ้น

“จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล” Chief Business Officer-Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า “เพาเวอร์มอลล์” กล่าวว่า เทคโนโลยี AI หรือ Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)และ IoT หรือ Internet of Things (อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง) รวมถึงสมาร์ทโฮมที่ผู้ใช้งานจะสามารถสั่งงานอุปกรณ์ด้วยเสียง และตั้งโปรแกรมให้ทำงานโดยอัตโนมัติได้ตามเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น เปิด-ปิดไฟ ระบบรักษาความปลอดภัย ฯลฯ จะเป็นเทรนด์มาแรงของวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลังจากนี้ไป ควบคู่ไปกับเรื่องสุขภาพและไลฟ์สไตล์ หลังแบรนด์ต่าง ๆ พยายามทำตลาด หวังกระตุ้นการใช้งานและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของตน จะช่วยให้สินค้ามีความหลากหลายและราคาจับต้องได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

เพื่อกระตุ้นยอดขายและตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ ๆ ในวงการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงได้จับมือซัพพลายเออร์ปรับปรุงพื้นที่ขาย และทุ่มงบฯ 120 ล้านบาท จัดงาน Power Mall Eletronica Showcase ช่วง 20 มิ.ย.-14 ก.ค. ในทุกสาขา พร้อมนำสินค้าที่มีเทคโนโลยีนี้มาโชว์-วางขาย และหนุนด้วยโปรโมชั่น

กระตุ้นการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นลดราคาสูงสุด 50% ผ่อน 0% นาน 10 เดือนทุกชิ้น และอื่น ๆ อีกมากมาย

สอดคล้องกับความเห็นของ “เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ” รองประธานธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ที่กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยี IoT และสมาร์ทโฮมมากขึ้น โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างอินเทอร์เน็ตไวไฟ และขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาฯหลาย ๆ รายก็ให้ความสนใจเรื่องนี้ บริษัทจึงมุ่งจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเซ็กเมนต์นี้เข้มข้นขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 4 นี้จะเริ่มจากการนำตู้เย็นรุ่น “แฟมิลี่ฮับ” ซึ่งมีหน้าจอสามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต และสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ของซัมซุงได้ เข้ามาทำตลาด

เช่นเดียวกับเครื่องปรับอากาศรุ่นวินฟาสต์พลัส ที่จะรองรับการสั่งงานด้วยเสียง จากเดิมมีเฉพาะในทีวีและมือถือ รวมถึงโปรโมตและให้ความรู้กับผู้บริโภคเกี่ยวแพลตฟอร์มสมาร์ทโฮม “SmartThings” ที่ซัมซุงพัฒนาเองมากขึ้น สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตระดับเลข 2 หลัก หลังจากปีที่แล้วสามารถทำได้เพียงบางกลุ่มสินค้า

ด้านแอลจีก็ไม่น้อยหน้า ขนทัพทีวีกว่า 30 รุ่น พร้อมฟังก์ชั่นเอไอและสมาร์ทโฮมลงตลาดครึ่งปีหลังเช่นกัน โดย “นิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วง มิ.ย.-ก.ค.จะเปิดตัวทีวีทั้งโอแอลอีดี นาโนทีวี และ UHD ทีวี รวม 32 รุ่น ซึ่งจะมีเทคโนโลยีเอไอและสมาร์ทโฮมถึง 30 รุ่น พร้อมฟังก์ชั่นที่จับต้องได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มความคมชัด เพิ่มคุณภาพเสียงจาก 2.0 เป็น 5.1 แชนเนล สามารถสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยและการสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจีอื่น ๆ เช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เพื่อรับกระแส IOT และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงเพิ่มขนาดหน้าจอใหญ่สุดเป็น 77 นิ้ว และ 86 นิ้วตามลำดับ ตามเทรนด์จอใหญ่

นอกจากนี้ยังทุ่มงบฯ 400 ล้านบาท สื่อสารเรื่อง AI และ IoT ทั้งการใช้สื่ออะโบฟเดอะไลน์และอัพเกรดพื้นที่ขายเน้นการทดลองใช้งาน ขณะเดียวกัน ทำราคาทีวีกลุ่มจอใหญ่และ UHD ให้เข้าถึงง่ายขึ้น เริ่มต้นที่ 1.35 หมื่นบาท เพื่อขยายฐานผู้บริโภค เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทชิงส่วนแบ่งในเซ็กเมนต์ทีวี 4K/UHD ได้ไม่น้อยกว่า 35% ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของเซ็กเมนต์ และมีส่วนแบ่งตลาดทีวีรวม 25% ขยับใกล้เบอร์ 1 เข้าไปอีก

ส่วนแบรนด์อื่น ๆ แม้ยังไม่มีไลน์อัพสินค้ากลุ่มนี้มากนัก แต่เริ่มทยอยปรับตัว อาทิ “อีเลคโทรลักซ์” ที่นำเครื่องฟอกอากาศและเครื่องซักผ้าฝาหน้าที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อติดตามการทำงานและสั่งงานได้ ด้าน “พานาโซนิค” นำทีวีรุ่นใหม่ “65GZ2000” ซึ่งมีเทคโนโลยีเอไอทั้งกูเกิลแอสซิสแทน และอเล็กซ่าของอเมซอน มาโชว์ในงานของเพาเวอร์มอลล์เป็นที่แรกในไทย เช่นเดียวกับ “โซนี่” มีทีวีและเครื่องเสียงที่รองรับกูเกิลแอสซิสแทนอยู่หลายเอสเคยูเช่นเดียวกัน อาทิ OLEDTV รุ่นเรือธง A8G ส่วน “ชาร์ป” ที่มีเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม ในชื่อ AIoT ที่เตรียมนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แม้แต่แบรนด์สัญชาติไทย อย่าง “อนิเทค” ก็เตรียมเปิดตัวปลั๊กไฟที่มีเทคโนโลยี IoT ในเดือนนี้เช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน การแข่งขันด้านฟังก์ชั่นสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และดีไซน์ก็ไม่สามารถมองข้ามได้ และดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะผู้บริโภคมีความเข้าใจและคุ้นเคยมากกว่า โดยหลายแบรนด์จับจุดนี้เป็นอาวุธ ไม่ว่าจะเป็น “โตชิบา” ที่เปิดตัวไมโครเวฟเอฟซีรีส์ ชูจุดขายสุขภาพเต็มสูบทั้งฟังก์ชั่นทอดด้วยลมร้อน หรือทำอาหารอุณหภูมิต่ำ รวมถึงเคลือบผิวภายในป้องกันแบคทีเรีย เช่นเดียวกับ “บ๊อช” ซึ่งมีเครื่องซักผ้า Active O2 ชูจุดขายระบบซักผ้าอุณหภูมิต่ำ ไปในแนวทางเดียวกับ “ฮิตาชิ” ที่ชูเครื่องซักผ้าพร้อมฟังก์ชั่นลดสารก่อภูมิแพ้

จากความเคลื่อนไหวนี้ น่าจะทำให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยหลังจากนี้คึกคักขึ้นได้ไม่น้อย