‘เซ็นทรัล’ ระดมร้านค้า-แบรนด์ดัง เปิดบริการในสนามบินอู่ตะเภา รับทราฟฟิคนักท่องเที่ยว 3 ล้านคน/ปี

รายงานจากบริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด ระบุว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาให้สิทธิเพื่อประกอบกิจการโครงการร้านค้าและบริการ กับกองทัพเรือ โดยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อประกอบกิจการโครงการร้านค้าและบริการ ณ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา มีพื้นที่ในการบริหารทั้งหมด 1,400.5 ตร.ม. โดยได้รับสิทธิในการประกอบกิจการร้านค้าและบริการเป็นเวลา 10 ปี

นางยุวดี จิราธิวัฒน์  กรรมการบริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอสจำกัด  กล่าวว่า บริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด เชื่อมั่นในศักยภาพของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ ตามยุทธศาสตร์ประเทศไทยที่ส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกรองรับการขยายตัวของพื้นที่ (EEC) เป็นสนามบินที่สำคัญในภูมิภาค สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน

จึงเล็งเห็นโอกาสผ่านความร่วมมือในการประมูลสัมปทานกิจการโครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) อันแข็งแกร่งของ 2 บริษัทระหว่าง กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจค้าปลีกมากว่า 72 ปี  โดยปัจจุบันขยายธุรกิจครอบคลุมหลากหลายกลุ่มธุรกิจ มีจำนวนมากกว่า 3,700 สาขาในประเทศไทย และในต่างประเทศอีก 17 ประเทศทั่วโลก

และบริษัท ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวระดับลักซ์ชัวรี่มากว่า 59 ปี และยังเป็นผู้บริหารดิวตี้ฟรี และพื้นที่รีเทลในสนามบินและร้านปลอดอากรในเมือง รายใหญ่รายหนึ่งของโลก ดำเนินธุรกิจใน 13 ประเทศ ใน 4 ทวีป อาทิ ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี ประเทศสิงค์โปร์, ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก และท่าอากาศยานนานาชาติ ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยพื้นที่โครงการที่ทางบริษัทเซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด ได้ทำการบริหารนี้ ประกอบด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่ม อาทิเช่น Auntie Anne’s, KFC, Segafredo, Mr. Cup T, Amazon, Coffee World, New York Deli, Drinks & Quick Bites, และศูนย์อาหาร Eatery Gardens ร้านขายสินค้า จากแบรนด์หลากหลาย

อาทิ Central DFS Shop ที่มีทั้งสินค้าไทย สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง, สินค้าสำหรับเดินทาง ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว, ร้าน Thai Favourites  ที่รวมผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทยที่ขึ้นชื่อ, B2S, Boots, ร้านขายของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี เคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตรา และร้านจำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และผู้มาใช้บริการสนามบิน

ประกอบกับกระบวนการที่มีขั้นตอนชัดเจน มีความโปร่งใส และ สามารถตรวจสอบได้ของกองทัพเรือนับเป็นมาตรฐานของการประมูล เซ็นทรัลจึงมีความตั้งใจที่อยากเข้ามาพัฒนา ผลักดันพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ แห่งนี้ ร่วมกับกองทัพเรือให้เป็นจุดหมายสำคัญ  เป็นประตูสู่ภาคตะวันออกที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ สินค้า และบริการที่แตกต่างน่าประทับใจและเป็นที่จดจำ

พลเรือโท ลือชัย ศรีเอี่ยมกูล  ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ จึงได้ทำการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น

ในการพัฒนาคุณภาพการบริการ จำเป็นต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร การท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จึงเปิดประมูล ให้สิทธินิติบุคคลไทยในการประกอบกิจการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ณ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ  ซึ่งผลจากการประมูล การท่าอากาศยานอู่ตะเภาตกลงให้สิทธิ บริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด ในการวางแผนลงทุนและพัฒนาพื้นที่ จำนวน 1,400.5 ตร.ม. เพื่อประกอบกิจการโครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) ณ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ

โดยในปัจจุบัน เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2562 มี 16 สายการบิน 32 เส้นทางการบินจาก 4 ประเทศ หลัก ๆได้แก่ จีน, รัสเซีย,มาเลเซีย และอังกฤษ มีผู้โดยสารรวมกว่า 1 ล้านคน ประกอบด้วยผู้โดยสารในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน45% และผู้โดยสารระหว่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 55%  (ซึ่งแบ่งเป็นสัญชาติรัสเซีย 50%, จีน 40%, คาซัค 3% และมาเลเซีย 3%)  โดยนักท่องเที่ยวรัสเซียส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับบริษัททัวร์ สำหรับผู้เดินทางภายในประเทศเป็นผู้เดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ (Foreign Individual Tourism) และคาดว่าภายในปี   2562 จะมีนักท่องเที่ยว มากกว่า 2 ล้านคน