ไม่ได้มาเล่นๆ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ” บุกหนัก ลุยบิดอีเวนต์ระดับโลก เร่งโต

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจการตลาดเชิงสร้างสรรค์ครบวงจร กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ในประเทศครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่เติบโต เนื่องจากหลายๆ กลุ่มสินค้ายังรอความชัดเจนจากการเลือกตั้ง ส่วนครึ่งปีหลังนี้ก็ยังต้องลุ้นต่อ ดังนั้นคาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ปีนี้จะทรงตัวหรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาทเท่ากับปีก่อน

“ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอีเวนต์ในไทยต้องเผชิญกับปัญหาความไม่สงบทางการเมืองมาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอีเวนต์ต้องปรับตัว โดยอินเด็กซ์ฯก็พยายามปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทยอยปรับโครงสร้างธุรกิจ ปัจจุบันแบ่ง 3 กลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) กลุ่มธุรกิจ ครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development) และกลุ่มโอน-โปรเจค (Own-Project) ”

ทิศทางธุรกิจจากนี้ จะให้น้ำหนักกับ 2 กลุ่มธุรกิจ คือ ครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development) และกลุ่มโอน-โปรเจค (Own-Project) มากขึ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจ ครีเอทีฟ บิซซิเนสฯ จะออกไปรุกตลาดอีเวนต์ต่างประเทศมากขึ้น

ล่าสุด คว้างานวันกองทัพจากกาตาร์ด้วยงบลงทุนกว่า 120 ล้านบาท รวมถึงมีแผนจะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันที่เข้าไปรุกธุรกิจอีเวนต์ใน 9 ประเทศแล้ว เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา ญี่ปุ่น เป็นต้น

ขณะเดียวกันยัง เดินหน้าเตรียมจะบิดงานอีเวนต์ระดับโลกอีก 2-3 งาน เช่น พืชสวนโลก ฟีฟ่า ยู-20 เวิลด์คัพ 2021 (FIFA U-20 World Cup) เวิลด์ เอ็กโป เป็นต้น เพื่อผลักดันตลาดอีเวนต์ไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในอนาคตด้วย

นายเกรียงไกรกล่าวเสริมว่า หลายประเทศเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น จะมีหน่วยงานของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการบิดงานอีเวนต์ระดับโลกมาจัดที่ประเทศของตัวเอง เนื่องจากอีเวนต์เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในหลากหลายมิติ ทั้งเพิ่มอัตราการจ้างงาน กระตุ้นการท่องเที่ยว

ส่วนกลุ่มโอน-โปรเจค (Own-Project) ก็พยายามสร้างอีเวนต์ใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มไลฟ์สไตล์อีเวนต์ เช่น กิโลรัน ซึ่งปีนี้จะจัดอีก 2 เมือง คือ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเชียงราย ประเทศไทย รวมถึงมีโปรเจ็กต์พิเศษ “วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟสติวัล” จะจัดขึ้นวันที่ 22 พ.ย-22 ธ.คนี้

นายเกรียงไกรย้ำว่า แนวทางใหม่นี้จะสามารถสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทในระยะยาวได้ เพราะบริษัทได้สร้างตลาดใหม่ กำหนดดีมานด์ หาน่านน้ำใหม่ๆ เอง แทนการแข่งขันบนพื้นที่เดิมๆ

นั่นหมายถึง แต่ละปีบริษัทก็จะมีงานตามแผนที่วางไว้แล้วและมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และคาดว่าด้วยแนวทางที่วางไว้จะทำให้สิ้นปีนี้ ปิดรายได้ 1,800 ล้านบาทตามแผนที่วางไว้

 

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน