4 ค่ายหนังผนึกกำลังลดเสี่ยง เซฟต้นทุน-ปลุกตลาด 4 พันล้าน

ทรานส์ฟอร์เมชั่นฟิล์ม ผนึก 3 พันธมิตร “บีฮีมอธ นอร์ธสตาร์ เอ็มพิคเจอร์ส” ลงขันสร้างหนัง “โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง” หวังบาลานซ์ความเสี่ยง ตั้งเป้ากวาดรายได้ 200 ล้านบาทจากทุกช่องทาง เปิดกว้างร่วมทุนกับอีกหลายบริษัท เพื่อเพิ่มโอกาสธุรกิจพร้อมปลุกตลาดหนังไทย 4,000 ล้านบาทให้คึกคัก

นายสง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด บริษัทร่วมทุนจาก 4 บริษัทใหญ่ ได้แก่ เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กลุ่มทรู แบ็งคอก ฟิล์มสตูดิโอ

และแม็ทชิ่ง สตูดิโอ พลัส กล่าวว่า บริษัทได้ปรับโมเดลการลงทุนสร้างภาพยนตร์ใหม่ เน้นจับมือกับพันธมิตรมากขึ้น ล่าสุด ร่วมกับ 3 พันธมิตร เพื่อสร้างภาพยนตร์ “โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง” จะเข้าฉายวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ซึ่งใช้งบฯลงทุนเกือบ 60 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างรายได้จากทุกช่องทาง (โรงภาพยนตร์ เคเบิลทีวี ฟรีทีวี วิดีโอออนดีมานด์การเข้าฉายต่างประเทศและการจำหน่ายสินค้าเมอร์แชนไดส์) กว่า 200 ล้านบาท

สำหรับ 3 พันธมิตรหลัก ประกอบด้วย บริษัท บีฮีมอธ แคปปิตอล จำกัด จะเข้ามาดูแลเรื่องการตลาด ประชาสัมพันธ์ บริษัท นอร์ธสตาร์ จำกัด ดูแลด้านการสร้างแอนิเมชั่น CG (computer graphic) และบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ดูแลช่องทางจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

“แนวทางนี้จะช่วยดึงศักยภาพที่มีของแต่ละบริษัทออกมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมหนังไทยขยายตัวขึ้นทั้งในแง่ของคุณภาพ จำนวนหนัง และมูลค่าของตลาดหนังไทย อีกทั้งยังช่วยบาลานซ์ความเสี่ยงให้แก่ค่ายหนังด้วย เพราะลงทุนน้อยลง แต่โอกาสเพิ่มขึ้น”

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมหนังปีนี้ คาดว่าจะโต 10% จากปีก่อน เพราะครึ่งปีหลังนี้ยังมีหนังต่างประเทศฟอร์มใหญ่เข้าฉายต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ยังมีหนังไทยเตรียมเข้าฉายกว่า 20 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังที่คาดว่าจะสร้างรายได้ดีให้แก่อุตฯหนังไทยด้วย ดังนั้น คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้หนังไทยจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 30% ของตลาดรวม หลังจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีหนังทำเงินเกิน 100 ล้านบาท รวม 3 เรื่อง และผลักดันให้หนังไทยมีส่วนแบ่งตลาดครึ่งปีแรก 18% ของมูลค่าตลาดรวม

“หนังไทยมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะตลาดเอเชีย ซึ่งตอนนี้เมเจอร์ก็มีโรงอยู่ใน ลาว กัมูพชา เพียงแต่ผู้ผลิตหนังต้องสร้างหนังให้มีคุณภาพ ต้องทำหนังดีให้ขายได้ นั่นคือ ต้องปรุงรสชาติให้เข้ากับผู้ชมมากขึ้น”

นายพรชัย ว่องศรีอุดมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า หนังไทยมีโอกาสเติบโตในต่างประเทศอีกมาก โดยเฉพาะตลาดจีนที่ให้การตอบรับที่ดีกับหนังไทย ด้วยแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทพยายามสร้างหนังไทยที่มีคุณภาพ โดยอนาคตเตรียมขยายการลงทุนหนังไทยไปยังบริษัทอื่น ๆ ด้วย เช่น ไบค์แมน 2 และมิสเตอร์ดื้อ นักตื๊อเหรียญทอง ที่จะร่วมลงทุนกับเวิร์คพอยท์

ขณะที่นายวิบูลย์ ลีรัตนขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีฮีมอธ แคปปิตอล จำกัด กล่าวเสริมว่า โจทย์ใหญ่ของผู้ผลิตหนังไทยตอนนี้ คือ ทำอย่างไรไม่ให้ขาดทุนนั้น คือ ต้องสร้างคอนเทนต์


ให้มีคุณภาพ โดยต้องย้อนกลับมาที่ต้นทุน ดังนั้น การจับมือร่วมกับพันธมิตรครั้งนี้จะช่วยแก้โจทย์ดังกล่าว ทำให้ตลาดหนังไทยเดินต่อได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องโปรเมฯแล้ว ปลายปีนี้บริษัทยังร่วมกับเอ็มพิคเจอร์ส สร้างหนังเรื่อง “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” ด้วยจะเข้าฉายเดือนตุลาคมนี้ และเตรียมจะสร้างนาคี 3 คาดว่าจะเข้าฉายปลายปี 2563 หรือช้าสุดในปี 2564