“โอมากาเสะ” สุดฮอต หัวละเฉียดหมื่น…คิวยาวข้ามเดือน

วันนี้เมนูอาหารญี่ปุ่นที่ฮอตฮิตของคนไทย ไม่ได้มีเพียงแต่ซูชิ ซาชิมิ เทมปุระ ดงบุริ หรือข้าวหน้าต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีเทรนด์ของร้าน “โอมากาเสะ” หรือการทานอาหารแบบตามใจเชฟ โดยเชฟจะทำแต่ละเมนูแบบสด ๆ ให้ดูกันตรงหน้า กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับจำนวนของร้านที่เปิดกันอย่างถี่ยิบ

ที่สำคัญ “ราคา” ค่าใช้จ่ายของประสบการณ์แบบพรีเมี่ยมในการลิ้มลองอาหารประเภทนี้ เริ่มต้นตั้งแต่คอร์สละพันต้น ๆ ไปจนถึงคอร์สละหมื่นกว่าบาท (เฉลี่ยคอร์สละ 10-15 เมนู) เนื่องจากต้องใช้ความประณีตของการคัดเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงศาสตร์และศิลป์ในการรังสรรค์แต่ละเมนูออกมา แต่ถึงจะมีราคาสูงขนาดนั้น บางร้านก็คิวแน่นกันข้ามเดือน

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาร้านที่เปิดใหม่ นับวันจะยิ่งเน้น “จุดขาย” ที่ไม่ธรรมดาขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากร้านอื่นมาสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ในสมรภูมิการแข่งขันที่เริ่มร้อนแรงขึ้นในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดร้านโอมากาเสะ ดีกรีมิชลิน 2 ดาว “Sushiyoshi” จากญี่ปุ่น เข้ามาปักหมุดสาขาแรกในไทย ในทำเลใจกลางกรุงเป็นที่เรียบร้อย ตอกย้ำความพรีเมี่ยมโดยใช้ดาวมิชลินเป็นเครื่องการันตี

“จักรกฤติ สายสมบูรณ์” กรรมการบริหาร บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่น “มากุโระ” และร้าน “Sushiyoshi” ฉายภาพว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 ในไทยมีร้านโอมากาเสะอยู่เพียง 5 ร้าน แต่วันนี้เทรนด์ของร้านโอมากาเสะในไทยได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ มีร้านเปิดใหม่จำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นมากขึ้น มีโอกาสได้ทานอาหารประเภทโอมากาเสะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสไตล์อาหารขึ้นชื่อเมื่อไปญี่ปุ่น

นอกจากจะเป็นกระแสในไทยแล้ว โอมากาเสะยังได้รับความนิยมในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมาตลาดนี้เติบโตขึ้น 200-300% ต่อปี

จากศักยภาพดังกล่าว บริษัทได้ร่วมทุนกับเจ้าของร้านซูชิโยชิ นำแบรนด์ “ซูชิโยชิ” ร้านโอมากาเสะชื่อดังเมืองโอซากา ที่ได้รับมิชลิน 2 ดาวเข้ามาเปิดในไทยเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สาขาแรกที่โรงแรมดับเบิ้ลยู สาทร รองรับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารสไตล์นี้ รวมถึงนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว สำหรับราคาจะอยู่ที่ 6,800 บาท ต่อคอร์ส (10 เมนู) ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในแต่ละรอบ

ด้านความเคลื่อนไหวของค่าย “บุญรอดฯ” ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ในไทย หลังจากที่ไปจับมือกับกลุ่ม “คิตะโอจิ” กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ไคเซกิอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น นำร้านนี้เข้ามาเปิดย่านทองหล่อเมื่อปี 2558 จากนั้นคิตะโอจิได้แตกไลน์ร้านโอมากาเสะ “ซูชิ คัปโปะ คิตะโอจิ” ในปี 2560 จุดขายของร้านนี้คือเรื่องของวัตถุดิบสดใหม่ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นวันต่อวัน และทีมเชฟญี่ปุ่นจากเครือของคิตะโอจิที่จะมาทำและเสิร์ฟให้ถึงที่ ส่วนราคาจะอยู่ที่ 4,000 บาท และ 8,000 บาทต่อคอร์ส

หรือก่อนหน้านี้ร้าน “ฮอนโมโน ซูชิ” ร้านซูชิของเชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ ดีกรีเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย และเชฟบัณฑูร ชูผลา กูรูด้านอาหารญี่ปุ่นที่ลงขันทำร้านซูชิพรีเมี่ยมจนฮิตติดลม จนมีสาขาทั้งหมด 7 แห่งในปัจจุบัน ก็ได้แตกไลน์ร้านใหม่ “Honmono Grand Omakase” รองรับการทานซูชิแบบโอมากาเสะโดยเฉพาะ ราคา 2,999 บาท (15 เมนู 1 ของหวาน) โดยจะนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่น 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นโอโทโร่ ปูทาระบะ อูนิ กุ้งโบตั๋น ฯลฯ

ขณะที่ร้านเก่าเจ้าดังอย่าง “ซูชิ มาซาโตะ” ที่เชฟเจ้าของร้าน “มาซาโตะ ชิมิซึ” มีดีกรีเป็นเชฟที่ได้รับมิชลิน 1 ดาว สมัยที่ทำร้านอาหารอยู่ในนิวยอร์ก ก็ยังคงความเก๋าในสนามนี้เอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีลูกค้าขาประจำ และผู้ที่ต้องการลิ้มลองรสชาติของโอมากาเสะระดับต้น ๆ ในเมืองไทยแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ถึงขนาดต้องจองข้ามปี แต่ปัจจุบันร้านได้เปลี่ยนระบบรับจองใหม่ ให้จองล่วงหน้าได้เดือนต่อเดือนเท่านั้น สนนราคาของซูชิ มาซาโตะ จะอยู่ที่คอร์สละ 4,000 บาท สำหรับเซตสแตนดาร์ด และ 6,000 บาท

สำหรับเซตพรีเมี่ยม รวมถึงร้าน “อุมิ” หลังจากเปิดสาขาแรกที่สุขุมวิท 49 เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ก็เปิดสาขาที่ 2 ในศูนย์การค้าเกษร วิลเลจ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ให้ลูกค้ามีโอกาสเข้าถึงการทานซูชิ โอมากาเสะของร้านได้ง่ายและสะดวกขึ้น สนนราคาคอร์สกลางวันเริ่มต้นที่ 2,600++ บาท ไปจนถึง 6,800++ บาท

เช่นเดียวกับ “กินซ่า ซูชิ อิชิ” เชนร้านโอมากาเสะชื่อดังอีกร้านหนึ่งจากญี่ปุ่น ที่มีสาขาในกินซ่า สิงคโปร์ จาการ์ตา และไทย หลังจากเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเอราวัณ และได้รับมิชลิน 1 ดาวไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ทำให้ร้านนี้ได้รับความนิยมจากนักชิมทั้งชาวไทย-เทศมากขึ้นไปอีก สนนราคาเริ่มต้นมื้อกลางวัน 4,000 บาท และมื้อเย็นเริ่มต้นที่ 5,000 และ 7,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ความร้อนแรงของร้านโอมากาเสะยังไม่หยุดอยู่แค่อาหารประเภท “ซูชิ” เท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมกับอาหารประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น “เทมปุระ” หรือเมนูของทอดต่าง ๆ ซึ่งร้านกินซ่า ซูชิ อิชิ ก็ได้แตกแบรนด์ใหม่ในชื่อ “กินซ่า เทนฮารุ” ร้านเทมปุระโอมากาเสะแบบขึ้นห้างที่เกษร วิลเลจ ราคาเริ่มต้นคอร์สละ 1,800 บาท ไปจนถึงคอร์สละ 6,500 บาท

ขณะที่ร้านอาหารประเภท “เต้าหู้” ก็มีร้านที่เสิร์ฟแบบโอมากาเสะเช่นกัน โดยร้านอาหารอินเดียมิชลิน 2 ดาว “กากั้น” ได้นำร้าน “Mihara Tofuten” ร้านเต้าหู้ชื่อดังในฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาเปิดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยใช้วัตถุดิบทุกอย่าง อิมพอร์ตจากญี่ปุ่นล้วน ๆ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่คอร์สละ 1,750 บาท จนถึงราคา 4,900 บาท

นอกจากนี้ ยังมีร้าน “เมรูโตะ ซูชิ” ที่มีราคาต่อหัวสูงถึง 15,900 บาท เน้นวัตถุดิบเกรดเอ พรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น เช่น ไข่หอยเม่นจากญี่ปุ่นที่ผลิตเพียงวันละ 50 กล่อง หรือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เป็นต้น และยังมีร้านอีกจำนวนมากที่เปิดอยู่ในทำเลใจกลางเมืองเส้นสุขุมวิท ทั้งหลังสวน ทองหล่อ เพลินจิต ฯลฯ อาทิ ซูชิ คันดะ, ฮินาตะ, ซูชิ มิซากิ, ซูชิ นิวะ เป็นต้น

“อาหารญี่ปุ่น” ยังคงเป็นประเภทอาหารอันดับต้น ๆ ที่คนไทยชื่นชอบ มีมูลค่าตลาดใหญ่ไม่แพ้อาหารประเภทอื่น ๆ อยู่ที่ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา (2550-2561) ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า จาก 745 ร้าน เป็น 3,004 ร้าน (ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น-JETRO)


ความต้องการของผู้บริโภคที่นับวันจะยิ่งซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น บวกกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่กล้าใช้จ่าย และให้ “ราคา” กับประสบการณ์และรายละเอียดที่พิถีพิถัน เหล่านี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังคงคึกคักไม่เปลี่ยน