พิษศก.ปากท้องมาก่อนสวย ศัลยกรรม3หมื่นล้านนิ่งสนิท

ตลาดศัลยกรรมความงาม 3.6 หมื่นล้านชะลอตัว พิษเศรษฐกิจ-กำลังซื้อทุบน่วม ! แถมมีคลินิกใหม่ทยอยเปิดเพียบ อัดโปรโมชั่น “ราคา” แข่งแย่งลูกค้า ขณะที่ลูกค้ากระเป๋าหนักแห่บินไปทำที่เกาหลี “เมโกะ” ชูความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแข่ง-บุกต่างประเทศ ล่าสุดแตกไลน์บุก “ไอวีเอฟ” เจาะคนมีบุตรยาก ด้าน “เลอลักษณ์” เน้นกลยุทธ์ราคาถูก-คุณภาพสูง ดึงลูกค้า

นายสิทธัญ จีรวงศ์ไกสร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวติเพล็กซ์ จำกัด ผู้บริหาร “เมโกะ คลินิก” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดศัลยกรรมความงามอยู่ในช่วงชะลอตัวและไม่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกำลังซื้อที่ลดลง ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่กล้าตัดสินใจในการจ่าย รวมถึงยังต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูง จากการมีผู้เล่นรายใหม่ทยอยเข้ามาในตลาดมากขึ้น และส่วนใหญ่จะแข่งขันในแง่ของราคา ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อก็จะนิยมและหันไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีมากขึ้น

เมโกะชูเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสู้

นายสิทธัญกล่าวด้วยว่า สำหรับเมโกะเองที่ผ่านมาลูกค้าที่มาทำศัลยกรรมลดลงเช่นกัน และเมโกะก็ได้เร่งปรับตัว นอกจากการชูความเป็นผู้เชี่ยวชาญมาเป็นจุดขาย เช่น ศัลยกรรมจมูก การปลูกผม ที่ตอนหลังได้แยกออกมาเป็นสถาบัน และปัจจุบัน ศัลยกรรมที่ลูกค้าหรือคนไทยนิยมทำหลัก ๆ จะเป็นศัลยกรรมภายในบริเวณใบหน้า อาทิ จมูก ตามด้วยหน้าอก

จากนี้ไปเมโกะจะให้ความสำคัญกับคลินิกความงามที่เน้นด้านผิวพรรณมากขึ้น ได้แก่ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ HIFU ซึ่งในเร็ว ๆ นี้มีแผนจะเปิดคลินิกที่เป็นซับแบรนด์ดูแลรักษาด้านผิวพรรณโดยเฉพาะ ในคอนเซ็ปต์ราคาที่เข้าถึงง่าย เพื่อเจาะตลาดแมส หลังจากเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้แตกไลน์ธุรกิจ ด้วยการตั้งศูนย์ไอวีเอฟ (IVF) หรือเด็กหลอดแก้ว ที่เมโกะ คลินิก สาขาพระราม 2 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้หญิงที่มีบุตรยาก และรองรับตลาดไอวีเอฟที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น

“นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการจับมือกับพาร์ตเนอร์ อาทิ เมียนมา ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย จากก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าไปเปิดสาขาในกัมพูชาซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก” นายสิทธัญกล่าว

“เลอลักษณ์” รุกออนไลน์

นางพิศพรรณ ศรีไชยยันต์ ผู้บริหารโรงพยาบาลเลอลักษณ์ศัลยกรรมตกแต่ง และเลอลักษณ์คลินิก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัจจุบันภาพรวมของตลาดศัลยกรรมความงามไม่มีอัตราการเติบโตเหมือนปีที่ผ่านมา ปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลัก ๆ มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลงและระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เงินก้อนจำนวนมาก ๆ

ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยในเรื่องการแข่งขัน จากการมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น และส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของราคาและโปรโมชั่นต่าง ๆ

“ปัจจุบันการนิยมไปทำศัลกรรมที่ประเทศเกาหลีของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อและคนในวงการบันเทิง โดยผ่านเอเย่นต์ของกลุ่ม และมีการทำการตลาดแบบปากต่อปาก มีการพูดถึงและบอกต่อปากต่อปาก ทำให้คนไทยบางกลุ่มเริ่มนิยมออกไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมากขึ้น”

นางพิศพรรณกล่าวว่า ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม) ปริมาณคนไข้ของเลอลักษณ์ลดลงถึง 30-40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากภาวะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้น ตลาดศัลยกรรมความงามก็จะกลับมาเติบโตเหมือนเดิม

“จากนี้ไปเลอลักษณ์ต้องเร่งปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้นด้วยการพัฒนาคุณภาพการให้บริการศัลยกรรมเฉพาะด้าน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมมีบริการดูแลหลังการทำศัลยกรรม ควบคู่กับการพัฒนาช่องทางการโปรโมตธุรกิจ ที่มีบริการเสริมความงามแบบครบวงจร ทั้งด้านศัลยกรรมตกแต่ง ชะลอวัย ดูแลรูปร่าง ดูแลผิวหนัง และงานทันตกรรม ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เพื่อนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับศัลยกรรมเสริมความงาม รีวิวก่อนทำและหลังทำ รวมถึงการโปรโมตเรื่องราคาและโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ตัดสินใจเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง” นางพิศพรรณกล่าว

โปรฯแรงเกลื่อนตลาด

ด้าน นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันมีคลินิกความงาม โรงพยาบาล ให้บริการศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น แต่สำหรับศูนย์ศัลยกรรมบางมดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังคงมีผู้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดีนัก โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น กลยุทธ์หลักของบางมดจะชูจุดแข็งด้านเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทาง เพื่อให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก ไม่เน้นการแข่งขันราคา และจะเน้นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติและกลุ่มคนไทยระดับไฮเอนด์เพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันมีบริษัทเอเยนซี่เพื่อนำคนไทยไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีเกิดขึ้นหลายราย โดยคิดค่าบริการเริ่มต้นตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับราคาศัลยกรรม พร้อมให้บริการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก รถรับส่ง มีล่าม และดูแลตลอดช่วงที่พักฟื้นอยู่ในเกาหลี


นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบว่าปัจจุบันตลาดศัลยกรรมความงามมีการจัดโปรโมชั่นเรื่องราคาอย่างหนัก โดยเฉลี่ยมีการลดราคาจากปกติตั้งแต่ 10,000-15,000 บาท อาทิ ศัลยกรรมจมูก ลดราคาเหลือเพียง 7,900 บาท จากราคา 19,900 บาท ทำปากกระจับ เริ่มต้น 9,900 บาท จากปกติ 21,900 บาท ทำตาสองชั้น เริ่มต้น 12,900 บาท จากปกติ 23,900 บาท เสริมคาง เริ่มต้น 10,900 บาท จากปกติ 23,900 บาท เสริมหน้าอกซิลิโคนจากเกาหลี ทุกไซซ์ ราคา 97,888 บาท จากราคาเต็ม 120,000 บาท นอกจากนี้ผู้ให้บริการศัลยกรรมเสริมความงามบางแห่งยังจับมือกับบัตรเครดิตของธนาคารต่าง ๆ มีการจัดแคมเปญผ่อน 0% นาน 6 เดือน หรือทำศัลยกรรมความงามตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เลือกแบ่งชำระได้ 6 เดือน ดอกเบี้ย 0% เป็นต้น