บิ๊กมูฟ ‘เซ็นทรัล’ สู้ศึกค้าปลีก ปรับพอร์ตพลิกเกมระดมทุน

ถอดรหัสแผนเซ็นทรัลเปิดเกมรุกครั้งใหญ่ เพิกถอนหุ้นโรบินสัน ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งบริษัทแม่-เซ็นทรัลรีเทลฯ เสียบแทน ดึงบริษัทในเครือนับร้อยเดินหน้า Omni-Channel ยกระดับสู่ “แพลตฟอร์มค้าปลีกยักษ์” ตอบโจทย์การลงทุนค้าปลีกยุคใหม่ ต้องใช้เงินลงทุนต่อสาขามหาศาล 

เซ็นทรัล ยักษ์ใหญ่ธุรกิจค้าปลีกไทย เรียกความสนใจให้กับแวดวงธุรกิจไทยอีกครั้ง หลังจากได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอเพิกถอนหุ้น บมจ.โรบินสัน (ROBIN) ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะเดียวกันประกาศส่งบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทแม่ของโรบินสัน เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแทน

แพลตฟอร์มค้าปลีกยักษ์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจที่เกิดขึ้นจะทำให้บริษัท เซ็นทรัล รีเทลฯ เป็นศูนย์รวมการดำเนินธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง และเป็นช่องทางขยายธุรกิจผ่านการค้าปลีกหลากหลายรูปแบบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จากที่ผ่านมาแต่ละบริษัทย่อยมีแนวทางที่แตกต่างกัน

ก่อนหน้านี้ “นิโคโล กาลันเต้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทกำลังเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ “นิว เซ็นทรัล นิว อีโคโนมี” สู่ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม โดยเฉพาะการเชื่อมประสบการณ์หน้าร้านไปยังออนไลน์ ส่วนธุรกิจต่างประเทศก็กำลังมองหาโอกาสจากการลงทุนใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทั้งยุโรปและเวียดนามภายใต้แบรนด์ที่มีอยู่เดิมและการซื้อกิจการที่มีศักยภาพในการลงทุน

แหล่งข่าวใกล้ชิดกลุ่มเซ็นทรัลกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การดึงโรบินสันออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และส่งเซ็นทรัลรีเทลฯ เข้าไปแทนที่ มีขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนในอนาคตของเซ็นทรัลที่มีเป้าหมายบุกการขยายสาขาในภูมิภาคอาเซียนครั้งใหญ่ หลังจากที่ผ่านมาตลาดค้าปลีกในประเทศไทยเซ็นทรัลได้มีการปูพรมขยายสาขาจนครอบคลุมทั่วทั้งประเทศแล้ว

“จุดแข็งของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่คือกระแสเงินสดในมือ แต่สิ่งที่เซ็นทรัลจะได้จากการปรับโครงสร้างครั้งนี้ยังเป็นเรื่องของการระดมทุนเพื่อรับกับแผนการลงทุนในอนาคต”

เมื่อมองจากยอดขายในปี 2561 ที่ผ่านมาของบริษัทต่าง ๆ ในเครือที่สูงกว่า 2 แสนล้าน ทำให้แหล่งข่าวคาดด้วยว่ามาร์เก็ตแคปหุ้นของเซ็นทรัลรีเทลจะมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทอย่างแน่นอน

เปิดเกม Omnichannel เต็มตัว 

ค่ำวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนวันหยุดต่อเนื่องยาว 3 วัน บมจ.โรบินสัน (ROBIN) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 53.8% ของโรบินสัน ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นโรบินสันทั้งหมดในราคา 66.50 บาทต่อหุ้น โดยแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของหุ้นเซ็นทรัลรีเทล (share swap)แนวทางดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเตรียมระดมทุนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เวลาเดียวกันจะเพิกถอนหุ้นของ บมจ.โรบินสันออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เอกสารที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯระบุว่า แผนการปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้นมีเป้าหมายเพื่อรวมธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ของเซ็นทรัล รีเทล ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี มาอยู่ภายใต้บริษัทเดียว เพื่อเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีก จากการผสมผสานที่ลงตัวของแพลตฟอร์ม omnichannel ร้านค้าปลีกในหลากหลายรูปแบบ และการให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก

ตอบโจทย์ค้าปลีกยุคใหม่ 

ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมค้าปลีกของไทยตั้งข้อสังเกตกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันธุรกิจพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกแข่งกันที่ทำเลที่ตั้ง ขนาด และความใหญ่ของสาขา ทำให้การลงทุนแต่ละครั้งต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเป็นหมื่นล้าน เพราะถ้าอยู่ในทำเลที่ไม่ดี การเดินทางไม่สะดวก รวมถึงมีพื้นที่เล็กกว่า จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน และกลายเป็นจุดอ่อนทางการตลาดในท้ายที่สุด

ล่าสุด ศูนย์การค้าไอคอนสยามของกลุ่มสยามพิวรรธน์ที่เพิ่งเปิดบริการเมื่อปลายปีที่แล้วมีมูลค่าโครงการสูงถึง 54,000 ล้านบาท รวมพื้นที่โครงการกว่า 750,000 ตารางเมตร

ส่วนเดอะมอลล์ กรุ๊ป วางงบฯลงทุนในปี 2562-2566 ไว้ถึง 80,000 ล้านบาท โดยเฉพาะบางกอก มอลล์ ตรงข้ามไบเทคบางนา ใช้งบลงทุนถึง 50,000 ล้านบาท รวมพื้นที่โครงการกว่า 1,200,000 ตารางเมตร

แม้แต่เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ โครงการลงทุนของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในมาเลเซีย ยังมีมูลค่าโครงการถึง 8,500 ล้านบาท ในอนาคตเซ็นทรัลมีแผนเปิดศูนย์การค้าในมาเลเซีย 2 แห่ง รวมทั้งเวียดนามอีก 2 แห่ง เพื่อก้าวสู่การเป็น regional player

ยอดขายทะลุ 2 แสนล้าน 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลรีเทลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 มีรายได้ 176,281 ล้านบาท ปี 2560 รายได้รวม 187,998 ล้านบาท ส่วนปี 2561 รายได้รวมอยู่ที่ 206,078 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มแฟชั่น 74,773 ล้านบาท ฮาร์ดไลน์ 42,921 ล้านบาท และกลุ่มฟู้ด 88,384 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีรายได้รวมในไตรมาสแรก 53,626 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มแฟชั่น 18,279 ล้านบาท ฮาร์ดไลน์ 11,365 ล้านบาท และกลุ่มฟู้ด 23,982 ล้านบาท

 

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 เซ็นทรัลรีเทลมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมกว่า 130 บริษัท ประกอบด้วย 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแฟชั่น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 23 สาขา ห้างสรรพสินค้าโรบินสันและโรบินสันไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ 49 สาขา ซูเปอร์สปอร์ต 192 สาขา เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ้ป ธุรกิจจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากต่างประเทศผ่านเคาน์เตอร์จำหน่ายในห้างและช่องทางค้าปลีกอื่น ๆ รวม 284 ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า รินาเชนเต 9 สาขา กลุ่มฮาร์ดไลน์ ได้แก่ ไทวัสดุและบ้านแอนด์บียอนด์ 53 สาขา เพาเวอร์บาย 105 สาขา ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ “เหงิยนคิม” 64 สาขา กลุ่มฟู้ด ได้แก่ กลุ่มท็อปส์ 265 สาขา แฟมิลี่มาร์ท 1,008 โกเวียดนาม (บิ๊กซีเวียดนาม) 36 สาขา ไฮเปอร์มาร์เก็ต ลานซี มาร์ท เวียดนาม 25 สาขา

ย้อนไทม์ไลน์…ซื้อกิจการไม่หยุด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มเซ็นทรัลรีเทลได้เข้าซื้อกิจการต่าง ๆ มาต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปี 2554 เข้าซื้อกิจการ รีนาเซนเต ห้างสรรพสินค้าหรูในอิตาลี ต่อมาปี 2555 ได้เข้าร่วมลงทุนในกิจการแฟมิลี่มาร์ทประเทศไทยในรูปแบบกิจการร่วมค้า ปี 2556 ได้เปิดตัวเว็บสโตร์ภายใต้ชื่อ Central.co.th ส่วนปี 2558 ได้เข้าร่วมทุนในกิจการ เหงียนคิม และลานซีมาร์ทในเวียดนาม และยังลงทุนต่อเนื่องในปี 2559 ด้วยการเข้าซื้อกิจการบิ๊กซีในเวียดนาม ต่อด้วยปี 2560 ได้เริ่มปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ และเปิดตัวการให้บริการช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าแบบดิจิทัลบนแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล

ส่วนปี 2561 ได้เปิดตัวแบรนด์ค้าปลีก Go จากการปรับภาพลักษณ์แบรนด์บิ๊กซีในเวียดนาม และปี 2562 ได้เข้าซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดจากผู้ร่วมลงทุนในกิจการร่วมค้า เหงียมคิม ทำให้เหงียนคิมมีสถานะเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล รวมถึงการทุ่มงบฯกว่า 6,000 ล้านบาท เข้าถือหุ้นใน “แกร็บ ประเทศไทย” เพื่อต่อยอดธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรี่

คลิกอ่านเพิ่มเติม… ‘ทศ จิราธิวัฒน์’ ประกาศความพร้อม นำ’เซ็นทรัล’เข้าตลาดหุ้น

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!