‘ฟิลิปส์’ ปรับกลยุทธ์รุกหนักโค้งท้าย ชิงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก 2.1 หมื่นล้าน

เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กปี 2562 รับอานิสงส์เทรนด์สุขภาพ-นิยมความสะดวกดันตลาดโต 17% แตะ 2.1 หมื่นล้านบาท “ฟิลิปส์” ปรับกลยุทธ์รับกระแสเติบโต ชู 4 หัวหอก หม้อทอด-เครื่องปั่น-ดูดฝุ่นไร้สาย-เตารีดหม้อต้ม พร้อมอัพเกรดการตลาด 360 องศา ตั้งแต่หน้าร้าน พนักงาน และการสื่อสาร เน้นชูจุดขายนวัตกรรมสุขภาพ-ความสะดวก มั่นใจสิ้นปียอดขายโตอย่างน้อย 10% ตามเป้าแน่นอน

นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Personal Health บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 นี้ว่า ช่วง 6 เดือนแรกตลาดมีมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าปีก่อนจากดีมานด์เครื่องฟอกอากาศที่พุ่งสูงช่วงต้นปี และช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยบวกจากกระแสสุขภาพและสภาพสังคมสูงวัยที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีจุดขายด้านสุขภาพ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ซึ่งยอมลงทุนเพื่อความสะดวก อีกทั้งยังมีไฮซีซั่นช่วงเทศกาลปลายปี จึงคาดว่าตลาดจะปิดปีด้วยมูลค่าประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 17% จากมูลค่า 18,000 ล้านบาท เมื่อปี 2561 และสูงกว่าปกติที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 4-8%

“สภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันราคาอาจกระทบกับเซกเมนท์ระดับแมส เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อและมีการแข่งขันราคาสูงกับแบรนด์จีน แต่กำลังซื้อผู้บริโภคระดับกลาง-พรีเมี่ยมยังแข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกและน่าจะต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี เช่นเดียวกับการให้ความเชื่อมั่นในสินค้าจากแบรนด์หลักมากกว่าราคา”

สำหรับบริษัทจะชิงสร้างการเติบโตจากกระแสนี้ด้วยการโฟกัสสินค้า 4 กลุ่มซึ่งมีจุดขายด้านสุขภาพและความสะดวก คือ หม้อทอดลมร้อน, เครื่องปั่นสุญญากาศ, เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย และเตารีดไอน้ำแบบหม้อต้ม เป็นหัวหอกในการทำตลาด พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดด้วยแคมเปญ Experience The Best ลากยาวถึงสิ้นปีทั้งปรับปรุงชั้นวางสินค้าในเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้า โดยปรับการจัดวางเน้นสิ้นค้า 4 กลุ่ม และเพิ่มหน้าจอทัชสกรีนสำหรับให้ข้อมูลสินค้า พร้อมโรดโชว์สาธิตสินค้า รวมถึงเทรนด์พนักงานขายเพิ่มชั้นเชิงการขายลดฮาร์ดเซลล์

เช่นเดียวกับด้านการสื่อสารซึ่งโฟกัสสื่อออนไลน์-โซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น คลิปวีดีโอ, บล็อกเกอร์, อินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงกิจกรรมออนกราวน์ เช่น ร่วมมือกับโรงเรียนสอนทำอาหารเพื่อเพิ่มโอกาสทดลองใช้งานสินค้า ซึ่งช่วยเน้นย้ำเรื่องจุดขายเรื่องนวัตกรรมสุขภาพและความสะดวกได้ดี

ทั้งนี้เชื่อว่ากลยุทธ์และแคมเปญนี้จะช่วยให้ยอดขายของบริษัทเติบโตมากกว่า 10% สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งเติบโตประมาณ 10% ตามเป้าที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน