“เซ็นทรัล” รุกส่งด่วน 1 ชม.เขย่าอีคอมเมิร์ซ

“เซ็นทรัล” ผนึก “เฟรเซอร์สฯ” เซ็นสัญญายาว 15 ปี ผุดศูนย์กระจายสินค้าย่านบางพลี สู้ศึกอีคอมเมิร์ซ รองรับส่งด่วนจี๋ภายใน 1-2 ชม. เสริมแกร่งกลยุทธ์ออมนิแชนเนล สั่งซื้อ/สั่งมาลองจากออนไลน์ เลือกรับได้ที่ทุกสาขาทั่วประเทศ คาดกระตุ้นสินค้าแฟชั่นคึกคัก พร้อมธุรกิจภาพรวมโต 5-10% ตามแผน

ดร.ปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารสาขา บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า การขยายตัวทางเทคโนโลยีเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่บริษัทก็พยายามปรับตัวต่อเนื่อง ด้วยการขยายช่องทางการขายสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการผสมผสานช่องทางการขายทั้งออฟไลน์ (หน้าร้าน) และออนไลน์เข้าด้วยกัน หรือออมนิแชนเนล (omnichannel) เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ ซึ่งหัวใจสำคัญของการขายสินค้าแบบออมนิแชนเนลคือการมีศูนย์กระจายสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกในยุคนี้

ล่าสุดได้เซ็นสัญญากับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด (หรือที่รู้จักในชื่อเดิม ไทคอน ผู้ให้บริการธุรกิจคลังสินค้า) เพื่อเช่าพื้นที่พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าระยะยาว 15 ปี บนพื้นที่ 7,500 ตร.ม. โดยตั้งอยู่ภายในโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางพลี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้เดือนสิงหาคม 2563

“เป้าหมายหลักของเซ็นทรัลคือการเป็น new retail นั่นคือการขายสินค้าในทุกช่องทางให้บริการลูกค้าได้โดยไม่สะดุด โดยเชื่อว่าศูนย์กระจายสินค้าออมนิแชนเนล (omnichannel) แห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการให้บริการลูกค้า และรองรับความรวดเร็วของการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออมนิแชนเนลในทุกกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของเซ็นทรัลรีเทลได้”

ดร.ปิยะพงษ์กล่าวต่อว่า หลังศูนย์กระจายสินค้านี้แล้วเสร็จ บริษัทจะรวมศูนย์กระจายสินค้าเดิมที่มีอยู่ 5 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯเข้าด้วยกัน ซึ่งผลจากการรวมศูนย์กระจายสินค้านี้ก็จะเพิ่มศักยภาพการส่งสินค้าให้เร็วขึ้น จากตอนนี้พื้นที่กรุงเทพฯสั่งสินค้าก่อนเวลา 14.00 น. สามารถจัดส่งได้ภายในเวลา 21.00 น.ของวันที่สั่งสินค้า เป็นส่งได้ภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังสั่งสินค้า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซได้

ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทจะพัฒนาบริการสั่งสินค้าของออมนิแชนเนลมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เริ่มตั้งแต่ปีนี้จะขยายพื้นที่การสั่งสินค้าของบริการ e-Ordering หรือบริการสั่งสินค้าที่ต้องการ และเลือกรับได้ทุกสาขาทั่วประเทศ จากเดิมที่ให้บริการเฉพาะบางสาขาเท่านั้น อีกทั้งเตรียมเปิดตัวบริการ Click&Reserve หรือเลือกสินค้ามาทดลองได้ที่สาขาที่ต้องการ คาดว่าจะเริ่มต้นปี 2563 โดยคาดว่าบริการใหม่นี้จะส่งให้สินค้ากลุ่มแฟชั่นเติบโตขึ้น เพราะลูกค้าสามารถเลือกชุดหรือแบรนด์เสื้อผ้าที่ต้องการมาลองก่อนได้ในสาขาที่ลูกค้าสะดวกก่อนตัดสินใจซื้อ

“การลงทุนศูนย์นี้ คาดว่าจะใช้งบฯลงทุนรวม ๆ ประมาณ 3,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการก่อสร้างอาคาร ซึ่งทางเฟรเซอร์สฯเป็นผู้ลงทุน และเซ็นทรัลจะลงทุนในส่วนของการตกแต่งและเทคโนโลยีต่าง ๆ อีกทั้งต้องใช้งบฯเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อปี ในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ โดยการลงทุนครั้งนี้ ทางกลุ่มเซ็นทรัลมองการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกระยะยาวอีก 5-10 ปีข้างหน้า และเชื่อว่าการมีศูนย์กระจายสินค้าจะเป็นสปริงบอร์ดสำคัญในการทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโต 5-10% ตามแผนที่วางไว้”