7-11 ปั้นสมาร์ทรีเทลย้ำแชมป์ ผนึก 24 ช้อปปิ้ง/ระดมเทคฯลุยโมเดลใหม่

เปิดแผนเจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น สร้างอาณาจักร “สมาร์ทรีเทล” ย้ำแชมป์ค้าปลีกไทย ชู “24 ช็อปปิ้ง” เป็นหัวหอก ปั้นแพลตฟอร์ม O2O ผสานจุดแข็งหน้าร้าน-ออนไลน์ ตอบจริตคนยุคใหม่ สะดวกซื้อ-สะดวกจ่าย-สะดวกรับ กว่า 1.1 หมื่นสาขาทั่วประเทศ พร้อมนำร่องเปิดตัวสมาร์ทสโตร์ ระดมเทคโนโลยีใหม่ AI อีเพย์เมนต์ ก่อนพัฒนาต่อยอด ดึงบิ๊กดาต้า IOT สมาร์ทเชลฟ์ สู้กระแสดิสรัปชั่น

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนแลนด์สเคปของธุรกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก กับการแข่งขันที่ระอุขึ้นทุกทิศทาง การปรับตัวให้ทันกับกระแสที่เกิดขึ้น ให้สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังที่เปลี่ยนไป เป็นโจทย์สำคัญที่ภาคธุรกิจต้องลงมือทำในวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่เกิดกระแสของการดิสรัปต์ไปทั่ว ทั้งวิธีการบริหารหน้าร้านแบบเดิม ๆ การขนส่งโลจิสติกส์ การทำแคมเปญโปรโมชั่น การสื่อสารกับลูกค้า ไปจนถึงการสู้กับช่องทางที่เกิดใหม่อย่างออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเม็ดเงินที่ไหลเข้ามามูลค่ามหาศาล

เซเว่นอีเลฟเว่น เจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อ เป็นอีกค่ายหนึ่งที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ช่องทางนี้อย่างจริงจัง ภายใต้แนวคิดการเชื่อมต่อแบบออนไลน์ ออฟไลน์ โดยมี “ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง” เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงระหว่างหน้าร้านสาขาเซเว่นฯ และออนไลน์อย่างอีคอมเมิร์ซเข้าไว้ด้วยกัน

วิกฤตคือโอกาส

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) สะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น กล่าวว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีมีภาพที่ชัดขึ้น จะเห็นว่าเทรนด์ของค้าปลีกทั่วโลกมีร้านจำนวนมากที่ต้องปิดตัวลง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป จากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ ๆ และอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม ก็มีธุรกิจออฟไลน์ที่ปรับตัวได้ โดยการเข้าไปมีบทบาทในแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบสนองกับการบริโภคที่เปลี่ยนไป

รองประธาน ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ตามที่ท่านประธาน ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ เคยให้นโยบายเอาไว้ว่า “โลกเปลี่ยนแปลง เราต้องเตรียมใจ และต้องเปลี่ยนแปลงตามโลกให้ทัน เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเร็วมาก โลกเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว ไทยเราต้องเปลี่ยนให้ทัน ถ้าเราเปลี่ยนไม่ทันเป็นเรื่องใหญ่ วิกฤตคือโอกาส การเปลี่ยนแปลงคือโอกาส วันนี้โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงจาก 3.0 เป็น 4.0 ทุกอย่างจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ”

ที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำสาขาออฟไลน์ของเซเว่นอีเลฟเว่นให้แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็ขยายช่องทางมายังออนไลน์มากขึ้น และใช้เทคโนโลยี ระบบหลังบ้านเชื่อมต่อทั้ง 2 ช่องทางให้ไร้รอยต่อ โดยเรียกกลยุทธ์นี้ว่า O2O (online to เวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง

สะดวก-สปีด คือ หัวใจหลัก

นายปิยะวัฒน์ระบุต่อไปว่า การทำ O2O ของเซเว่นฯนั้น มีช่องทางครอบคลุมทั้งแค็ตตาล็อก, เว็บไซต์ www.24catalog.com, www.ShopAt24.com, www.amulet24.com, แอปพลิเคชั่น, คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสามารถรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุค 4.0 ตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สะดวกสั่ง สะดวกจ่าย สะดวกรับ” ได้ทุกสาขาของเซเว่นฯ ปัจจุบันมีอยู่กว่า 11,000 สาขา และจะเปิดเพิ่มเป็น 13,000 สาขาในอีก 2 ปีข้างหน้า

ถือเป็นจุดแข็งที่ต่อยอดมาจากความเชี่ยวชาญจากการบริหารจัดการสาขาหน้าร้าน โลจิสติกส์ที่จะต้องส่งสินค้าเข้าสาขาทุกวัน และมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ

ความท้าทายของการบริหารโมเดลธุรกิจนี้ คือ ระบบหลังบ้าน ที่จะมาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มฟ้ากับดิน หรือออนไลน์-ออฟไลน์ ให้สมบูรณ์ไร้รอยต่อได้ ที่สำคัญ ต้องสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว เพราะการทำอีคอมเมิร์ซในวันนี้ ตัดสินแพ้-ชนะกันที่ speed (ความเร็ว) และจำเป็นที่จะต้องเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง โดยใช้บิ๊กดาต้าเก็บข้อมูลพฤติกรรม และสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคต้องการขึ้นมา

นายปิยะวัฒน์ย้ำว่า กลยุทธ์หลักของทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จะเรียกว่า 5S ประกอบไปด้วย shopping shipping support synergy specialist หรือการมุ่งเน้นประสบการณ์ที่ดี ตั้งแต่การมีสินค้าที่ดี แตกต่าง การขนส่งที่รวดเร็ว ไม่เพิ่มภาระต้นทุนให้กับลูกค้า การมีทีมงานที่คอยซัพพอร์ตจำนวนมากเพื่อดูแลลูกค้า การซินเนอร์ยี่ผนึกกำลังกับธุรกิจในเครือ และความเชี่ยวชาญในการบริหารค้าปลีก โดยการเติบโตของทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 27% สูงกว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภาพรวมที่เติบโต 14-15% อยู่ใน top 10 ของอีคอมเมิร์ซในไทย

ทดสอบสมาร์ทสโตร์

นายปิยะวัฒน์ยังกล่าวต่ออีกว่า นอกจาก O2O แล้ว ธุรกิจรีเทลยังต้องปรับเปลี่ยนนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในร้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น IOT (internet of things) หรือ AI (artificial intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงบิ๊กดาต้า เพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการหน้าร้าน การวางเลย์เอาต์ การวางสินค้าบนเชลฟ์ เช่น สินค้าที่ขายมากก็จะถูกจัดวางในระดับสายตา หรือสินค้าถูกนำออกจากเชลฟ์และใกล้หมดก็จะส่งสัญญาณเตือนให้พนักงานนำสินค้าใหม่มาเติม ตลอดจนเทคโนโลยี บีคอนส์ (Beacons) เพื่อส่งคูปอง รายละเอียดโปรโมชั่น แจ้งเตือนสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า และช่องคิดเงินอัตโนมัติ ที่ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้เอง โดยไม่ต้องมีพนักงาน เพื่อรองรับกับเทรนด์ดังกล่าว ซีพี ออลล์ ยังได้ทดลองพัฒนาโมเดลร้าน

เซเว่นฯรูปแบบใหม่ หรือ “สมาร์ทสโตร์” ตั้งอยู่ที่ชั้น 7 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นสาขาที่บริษัทนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาทดลองใช้งาน เช่น เทคโนโลยีสแกนใบหน้า ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบบัตรสมาชิกของออลล์เมมเบอร์ ระบบจะบันทึกพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าและประมวลข้อมูลดังกล่าวเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นที่เหมาะสมในอนาคต เป็นต้น

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ทำการสำรวจสาขาดังกล่าวพบว่า ร้านสมาร์ทสโตร์ดังกล่าว ซีพี ออลล์ ได้มีการติดตั้งเครื่องคิดเงินแบบบริการตนเอง โดยการใช้งานนั้น ลูกค้าจะต้องมีบัญชีทรูวอลเลตก่อน เนื่องจากเครื่องรองรับเฉพาะการชำระผ่านช่องทางนี้เท่านั้น จากนั้นก็นำสินค้าไปสแกนบาร์โค้ดในช่องที่จัดเตรียมเอาไว้ ส่วนการชำระเงินจะต้องเปิดคิวอาร์โค้ดของบัญชีทรูวอลเลตจากมือถือ แล้วให้เครื่องสแกนเพื่อตัดเงินในบัญชี จากการสอบถามพนักงานภายในร้านพบว่า ทางเซเว่นฯได้นำระบบนี้มาติดตั้งได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว และมีเพียงสาขานี้แห่งเดียว


นอกจากนี้ เซเว่นฯยังพัฒนาแอปพลิเคชั่น “7-Eleven” รองรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยสามารถเลือกรับได้ที่สาขาที่ต้องการ หรือจัดส่งฟรีถึงบ้าน การสะสมคะแนน และ M-Stamp สำหรับแลกสินค้าพรีเมี่ยม เป็นต้น อีกทั้งเป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสารโปรโมชั่นต่าง ๆ ของเซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงมีการขายดีลสินค้าในราคาพิเศษ เช่น คูปอง 7 Deal พาย 7 เฟรช ซื้อ 3 ฟรี 1 ราคา 60 บาท จากปกติชิ้นละ 20 บาท ชีสไบท์ 4 ฟรี 1 ราคา 52 บาท จากปกติชิ้นละ 13 บาท ฯลฯ