แพลนบี ลุยบริหารสิทธิ์กีฬา เจรจา 4 ช่องยิงสดโอลิมปิก

แพลนบีฯเดินหน้าบริหารสิทธิ์กีฬา เจรจาทีวีดิจิทัล 4 ช่อง เตรียมถ่ายสดโอลิมปิก 2020 พร้อมขายสปอนเซอร์ชิป หวังโกยรายได้ 400-500 ล้าน ล่าสุดทุ่ม 2,000 ล้าน เข้าบริหารสื่อในร้านเซเว่นฯ 3,000 สาขา ตั้งเป้ารายได้สิ้นปีโต 5,000 ล้าน ตามแผน

นายวัชรพงศ์ ลีโทชวลิต หัวหน้าแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสื่อนอกบ้าน กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจจากนี้ไปจะเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุก ๆ มิติ เริ่มตั้งแต่การบริหารลิขสิทธิ์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 และเอเชียนเกมส์ 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการแข่งขันดังกล่าวทั้ง 2 งาน โดยบริษัทเพิ่งได้รับสิทธิ์เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ แพลนบีฯสามารถหารายได้จาก 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จากสปอนเซอร์ชิป และการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวี ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับทีวีดิจิทัล 4 ช่อง และคาดว่าจะเปิดตัวพันธมิตรได้เร็ว ๆ นี้ โดยตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้ ประมาณ 400-500 ล้านบาท

“ตอนนี้เจรจากับทีวี 4 ช่อง เพื่อขอซื้อเวลาโฆษณามาบริหารและเปิดกว้างสำหรับโมเดลใหม่ ๆ เช่น ร่วมกับช่อง A ถ่ายทอดสดโอลิมปิก แต่ช่องสามารถจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นเวลาโฆษณา 50% ของค่าลิขสิทธิ์ โดยบริษัทจะนำมาซัพพอร์ตให้แก่สปอนเซอร์ชิป เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น และมีประสิทธิภาพดีขึ้น หากโมเดลนี้สำเร็จก็อาจจะต่อยอดนำมาใช้กับการบริหารลิขสิทธิ์อื่น ๆ ในอนาคตด้วย”

นอกจากนี้ จะเดินหน้าขยายพื้นที่สื่อโฆษณานอกบ้านให้ครอบคลุมมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ การเข้าขยายโฆษณาเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ขนาดครอบครัวเล็กลง ทำให้แนวโน้มการซื้อสินค้าก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งร้านสะดวกซื้อเป็นเทรนด์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมคนกลุ่มนี้ ล่าสุดร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ด้วยการเข้าบริหารสื่อโฆษณา ณ จุดขาย ภายในร้านเซเว่นฯ 3,000 สาขา ภายใต้งบฯลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการติดตั้งจอดิจิทัลภายในร้าน 3 จุด ได้แก่ บริเวณเหนือตู้แช่เครื่องดื่ม บริเวณเหนือตู้แช่สินค้าอาหารพร้อมรับประทานผลิตภัณฑ์นม และบริเวณเหนือชั้นวาง (shelf) สินค้าประเภทต่าง ๆ เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง 6 ล้านคน เฟสแรกจะติดตั้งจอดิจิทัลให้ครอบคลุม 2,000 สาขาทั่วประเทศ ในปี 2563 ส่วนปี 2564 จะขยายให้ครบ 3,000 สาขา คาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้ประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปี

นายวัชรพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการเข้ามาถือหุ้นของบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือวีจีไอ ถือเป็นอีกแรงส่งสำคัญที่ทำให้แพลนบีฯเติบโตได้ดี เนื่องจากการรวมตัวกันทำให้มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 70% ของตลาดรวมสื่อนอกบ้าน และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกรุงเทพฯได้ครอบคลุมขึ้นจากสื่อที่มีอยู่ และแบ่งความร่วมมือออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ด้วยการรวมกลุ่มขายโฆษณา (bundle) ของแพลนบีฯ และวีจีไอเข้าด้วยกัน เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้า (สินค้า) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนแผนระยะกลาง คือ ความร่วมมือด้านการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจ และระยะยาวช่วง 2-5 ปีจากนี้ จะมีความร่วมมือด้านการบริการทางการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์ลูกค้า (สินค้า) มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้ครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 2,350 ล้านบาท มีกำไร 334 ล้านบาท และสิ้นปีนี้จะปิดรายได้ 4,800-5,000 ล้านบาท ตามแผน หรือเพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,043 ล้านบาท

ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจาก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.สื่อนอกบ้าน แบ่งย่อย 6 ประเภท ได้แก่ 1.สื่อโฆษณาบนรถประจำทาง ทั้งขนส่งมวลชนและรถร่วมฯ 2.สื่อโฆษณารถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที 3.


ป้ายบิลบอร์ดทั่วประเทศกว่า 180 ป้าย 4.จอแอลอีดีขนาดใหญ่ทั่วกรุงเทพฯกว่า 500 จอ 5.จอแอลอีดีในห้างสรรพสินค้า และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และสื่อโฆษณาภายในสนามบิน รวม 24 สนามบิน ตามด้วย 2.ธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (engagement marketing) เช่น การบริหารลิขสิทธิ์กีฬาโอลิมปิก 2020 เอเชียนเกมส์ 2022 การเข้าถือหุ้นในบีเอ็นเค 48 เป็นต้น สุดท้ายธุรกิจใหม่ ๆ ที่บริษัทจะขยายการลงทุนเพิ่มในอนาคต