ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค 4 แสนล้านคึกคัก “นีโอ คอร์ปอเรท” ทุ่มงบฯลงทุน 2 พันล้าน เพิ่มการผลิตสองเท่า พร้อมสร้างศูนย์อาร์แอนด์ดีพัฒนาสินค้า ประกาศเดินหน้าออกสินค้าพรีเมี่ยมบุกตลาด ส่งผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก ดีนี่ และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ทรอส ชิมลาง ดึง 2 ดาราดัง เบลล่า-ราณี เป็นพรีเซ็นเตอร์ครีมอาบน้ำบีไนซ์ “ญาญ่า-อุรัสยา” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ผลิตภัณฑ์ไฟน์ไลน์ พร้อมบุกตลาดออนไลน์ ขนสินค้าขายผ่านลาซาด้า-ช้อปปี้ รับเทรนด์คนยุคใหม่ ด้านตลาดต่างประเทศเตรียมส่งออกไปยุโรป ออสเตรเลีย ตั้งเป้าสร้างรายได้แตะ 1 หมื่นล้านภายในปี 2565
ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ยังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากซัพพลายเออร์หรือผู้ผลิตสินค้าจะทยอยส่งสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเป็นระลอก ๆ แล้ว อีกด้านหนึ่งก็มีการจัดแคมเปญโปรโมชั่นอย่างหนักหน่วงทั้งกับผู้บริโภคและช่องทางจำหน่าย แต่จากความท้าทายความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ซัพพลายเออร์ต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
ทุ่ม 2 พันล้านขยายกำลังผลิต
นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานกรรมการและประธานบริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค อาทิ น้ำยารีดผ้าเรียบ-ปรับผ้านุ่ม ไฟน์ไลน์, ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก ดีนี่, ครีมอาบน้ำ บีไนซ์, ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลผู้ชาย ทรอส, ผลิตภัณฑ์โรลออนและสเปรย์วีไวต์ เป็นต้น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีมูลค่ากว่า 4.4 แสนล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก และผลิตภัณฑ์กลุ่มซักผ้า ผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำ
ปัจจัยหลัก ๆ นอกจากสินค้าดังกล่าวจะเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมาจากความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำแทนผลิตภัณฑ์ชนิดผงมากขึ้น หรือเปลี่ยนมาใช้ครีมอาบน้ำแทนการใช้สบู่ก้อน ทำให้ครีมอาบน้ำเป็นอีกเซ็กเมนต์หนึ่งที่เติบโตเร็วมาก
โดยการดำเนินงานของบริษัทเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการทุ่มงบฯกว่า 2,000 ล้านบาท สร้างโรงงานการผลิต บนพื้นที่ 190 ไร่ จ.ปทุมธานี และได้วางระบบการผลิตใหม่ด้วยระบบหุ่นยนต์มาใช้ทั้งหมด และทำให้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนสร้าง R&D Center ศูนย์รวมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์แคทิกอรี่ใหม่ ๆ ซึ่งได้จับมือกับพาร์ตเนอร์จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำงานร่วมกัน นำระบบซัพพลายเชนที่ได้มาตรฐาน เป็นระบบจ่ายสินค้าผ่านระบบอัตโนมัติ โดยข้อดีจะทำให้จัดส่งสินค้าจากโรงงานผลิตถึง
คลังสินค้าได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้เตรียมทำศูนย์วิจัยที่โรงงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีหลายส่วนที่เราทำเอง มีทั้งพืชดอกไม้มาร่วมทำวิจัยกัน เพื่อนำวัตถุดิบท้องถิ่นจากธรรมชาติเพื่อทดแทน เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่รองรับเทรนด์การตลาด
ออกสินค้าใหม่-รุกตลาดพรีเมี่ยม
นายสุทธิเดช กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงานจากนี้ไป ยุทธศาสตร์หลักของบริษัทจะมุ่งไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยับไลน์สินค้าไปยังกลุ่มที่เป็น
พรีเมี่ยมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก ดีนี่ และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ทรอส เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่กล้าที่จะยอมจ่ายเพิ่มถ้าได้สินค้าที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับสินค้าในกลุ่มพรีเมี่ยมนี้ซึ่งในแง่ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ลูกค้าจะได้คุณภาพและนวัตกรรมใหม่ที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้ได้ลอนช์สินค้าที่มีความเป็นพรีเมี่ยมออกมาทดลองตลาดแล้ว และในอนาคตก็จะส่งออกไปต่างประเทศด้วย
ที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยส่งสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างความคักคักให้กับตลาด อาทิ การลอนช์ผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำบีไนซ์ ลิมิเด็ตเอดิชั่น กลิ่นบิงซู กลิ่นชานมไข่มุก และกลิ่นฟรุ๊ตค็อกเทล ซึ่งครีมอาบน้ำกลิ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นนี้จะจำหน่ายประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี ต่อไปก็จะมีกลิ่นใหม่ออกมาทุก ๆ ปี นอกจากนี้ ก็มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ทรอส คาสโนวา” ในรูปแบบของโรลออน โคโลญจ์
“การที่จะออกสินค้าใหม่ ๆ ได้ โดยหลักจะต้องมาจากการทำวิจัยศึกษาตลาดกับคอนซูเมอร์ เพื่อนำข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคมาพัฒนาสินค้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งแต่ละปีต้องทำการวิจัยมากกว่า 200 งานวิจัย เพื่อสำรวจเทรนด์การตลาดใหม่ เพราะปัจจุบันพฤติกรรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเร็ว ขณะเดียวกัน ก็จะมีการเพิ่มนวัตกรรมเข้าไปในสินค้าเพื่อให้เป็นสูตรเฉพาะของบริษัท”
เพิ่มน้ำหนักบุกตลาด ตปท.
นายสุทธิเดช กล่าวด้วยว่า นอกจากการออกสินค้าใหม่ ๆ ดังกล่าว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายด้วย ขณะเดียวกัน ก็ได้ทุ่มงบฯเพื่อทำการตลาดให้ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า และพรีเซ็นเตอร์ก็จะเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่บริษัทจะใช้สร้างการรับรู้ไปถึงผู้บริโภค ล่าสุดได้เบลล่า-ราณีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ครีมอาบน้ำบีไนซ์ และญาญ่า-อุรัสยาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ผลิตภัณฑ์ไฟน์ไลน์ นอกจากนี้ ยังได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ได้แก่ ลาซาด้า ช้อปปี้ และเว็บไซต์ นีโอ คอร์ปอเรท เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น จากเดิมที่ช่องทางจำหน่ายหลัก ๆ จะอยู่ที่โมเดิร์นเทรดและเทรดิชั่นนอลเทรด
นายสิทธิเดชยังกล่าวถึงการทำตลาดในต่างประเทศ ปัจจุบันได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ผ่านตัวแทนจำหน่ายไปประมาณ 8 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ลาว กัมพูชา มัลดีฟส์ อิรัก และจีนทางตอนใต้ สินค้าหลัก ๆ ที่ส่งออกไปส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก และผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการส่งออกไปประเทศแถบยุโรป ออสเตรเลีย และอินเดีย เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะอินเดียนั้นถือเป็นตลาดใหญ่และมีศักยภาพค่อนข้างสูง คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้จากการส่งออกในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนที่ขยายตัว 14%
“ตอนนี้ตลาดต่างประเทศมีทิศทางที่ดี และในแง่ยอดขายค่อย ๆ เติบโตขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม ลาว กัมพูชา และมัลดีฟส์ หลัก ๆ เป็นการทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งบริษัทก็มีแผนจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายและออกไปโรดโชว์ตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ให้มากขึ้น” นายสุทธิเดช กล่าวและว่า
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้การเติบโตไว้ประมาณ 19% และตั้งเป้าผลักดันรายได้รวมเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาทภายในปี 2565 โดยหัวใจหลักจะมาจากการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้ามากขึ้น จากผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีรายได้รวมราว ๆ 3,400 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนประมาณ 19% ซึ่งค่อนข้างสวนกระแสเศรษฐกิจ-กำลังซื้อค่อนข้างมาก แบ่งเป็นประเภทสินค้าของใช้ส่วนตัว 37% และผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน 63% หรือเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% โดยแบรนด์ที่สร้างรายได้ดี ได้แก่ กลุ่มสินค้าแม่และเด็ก ดีนี่, ผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าไฟน์ไลน์ และครีมอาบน้ำบีไนซ์ตามลำดับ