“สวนผัก…โอ้กะจู๋” ฮอต สปีดสาขารับเทรนด์สุขภาพ

สร้างชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็วสำหรับ “สวนผัก โอ้กะจู๋” ร้านอาหารชื่อเก๋-แปลกที่คนรักสุขภาพกล่าวขานถึง

“สวนผัก โอ้กะจู๋” ร้านที่เจ้าของตั้งใจอยากให้ร้านอาหารสลัด แต่ลูกค้าส่วนใหญ่มาเพราะสเต๊ก มีถิ่นกำเนิดจากอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ มีจุดขายคือผักจานใหญ่ที่เคียงคู่มากับเมนูอาหารต่าง ๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของร้าน จากนั้นก็ค่อย ๆ รุกคืบเข้ามาเปิดเอาใจคนเมืองกรุง

ความโด่งดังของ “สวนผัก โอ้กะจู๋” ในวันนี้ไม่เพียงแต่จะมีผู้สนใจอยากจะซื้อแฟรนไชส์ อยากจะร่วมทุนเท่านั้น ยังมีเจ้าของพื้นที่ค้าปลีกอีกหลายรายที่ตามจีบให้ไปเปิด

ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสมาสัมผัส “สวนผัก โอ้กะจู๋” สาขาใหม่ล่าสุด สยามสแควร์ ซอย 2 นับเป็นสาขาที่ 7 ที่เพิ่งตัดริบบิ้นไปช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกับนั่งสนทนากับ “ชลากร เอกชัยพัฒนกุล” 1 ใน 2 ผู้ก่อตั้ง ในฐานะรองประธานกรรมการ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด

“อู๋-ชลากร” เริ่มต้นการสนทนาว่า จุดเด่นของสาขาสยามสแควร์ ซอย 2 อยู่ที่มีพื้นที่ให้บริการถึง 4 ชั้น โดยชั้นแรกสำหรับต้อนรับลูกค้า และสำหรับลูกค้าที่ซื้อกลับบ้าน ชั้น 2-3 เป็นพื้นที่บริการ มีที่นั่งรองรับประมาณ 200 ที่นั่ง และชั้น 4 เป็นห้องรองรับลูกค้าแบบส่วนตัว มีประมาณ 22 ที่นั่ง และต้องจองล่วงหน้า ซึ่งทุกวันจะมีลูกค้าต่อคิวกันยาวเหยียด โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ที่จะแน่นเป็นพิเศษ

พร้อมกันนี้ เขาย้อนเล่าให้ฟังก่อนจะมาเป็น “สวนผัก โอ้กะจู๋” ว่า เริ่มจากความคิดของเขา และ “โจ้-จิรายุทธ ภูวพูนผล” เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งที่บ้านทำอาชีพเกษตรกรเป็นทุนเดิม และ “อู๋และโจ้” มีฝันร่วมกันว่าอยากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร

หลังจาก “อู๋-โจ้” สำเร็จการศึกษาจากคณะเกษตรศาสตร์ และคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี 2554 จึงได้เริ่มทดลองปลูกผักออร์แกนิกในลักษณะของการปลูกเพื่อทานเองในครอบครัว

ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเปิดเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อประมาณปี 2556 โดยใช้ชื่อว่า “สวนผัก โอ้กะจู๋” ซึ่งมาจากชื่อเล่น “อู๋” ของชลากร และ “โจ้” ของจิรายุทธ แต่ผวนคำเป็น “โอ้กะจู๋” แปลกและไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน และมีสโลแกนประจำร้าน คือ ปลูกผักเพราะรักแม่

“ตอนแรกที่เปิดร้านขึ้นมาก็ยังไม่มีเป้าหมาย ไม่คิดว่าจะมีสาขามากมายอะไร จุดเริ่มต้นคือ ปลูกทานเองในครอบครัว แต่พอเหลือก็เริ่มแบ่งให้ญาติและชุมชน พอเปิดร้านก็ค่อย ๆ ขยับขยายมาเปิดสาขาแรกที่สันทราย เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ”

เมื่อถามว่า มีเมนูอะไรที่เป็นไฮไลต์ของร้าน ?

คำตอบที่ได้ก็คือ “…แต่ละสาขาจะมีเมนูซิกเนเจอร์ที่แตกต่างกัน อาทิ สเต๊กซี่โครงอบนํ้าผึ้ง ไส้กรอกเยอรมันย่างรวม ฟิชแอนด์ชิปส์ สปาเกตตีคาโบนาร่า สลัดรวมสารพัดผัก ซุปต่าง ๆ และเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ราคาตั้งแต่ 100-500 บาท ที่สำคัญอาหารทุกจานจะต้องมีความสด สะอาด เสิร์ฟจานโต ๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน แค่เห็นจานอาหารก็รู้เลยว่ามาจากร้านนี้แน่นอน แต่หากเป็นสาขาที่เชียงใหม่ลูกค้าจะได้เห็นกระบวนการปลูกผักและได้เห็นว่าผักที่นำมาเสิร์ฟเป็นผักที่เก็บสด ๆ มาจากแปลงปลูก”

“ช่วงแรกที่เปิดร้านขึ้นมายังไม่มีกลุ่มเป้าหมายและไม่ได้วางแผนขยายสาขา จนเมื่อปลายปี 2556 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยวมีลูกค้าเข้าใช้บริการที่ร้าน พร้อมถ่ายรูปเมนูอาหารแชร์ผ่านสื่อโซเซียล ทั้งเฟซบุ๊กและไอจี สร้างการรับรู้แบบปากต่อปาก หลังจากนั้น ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น”

จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับขยายสาขาเพิ่ม โดยเปิดสาขา 2 ที่นิ่ม ซิตี้ เดลี่ก่อนจะกระโดดข้ามเข้ามากรุงเทพฯ เริ่มจากสาขาแรกที่สยามสแควร์ จนวันนี้มีสาขาในเมืองกรุงแล้ว 5 แห่ง ลาซาล, สยามสแควร์, สยามสแคร์ วัน, เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ซึ่งแต่ละสาขาจะมีโมเดลที่แตกต่างกันออกไป

พร้อมกันนี้ “ชลากร” ย้ำว่า หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การพัฒนาเมนูอาหาร โดยจะมีการปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ทุก ๆ 4 เดือน

แน่นอนว่า กุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งของ “สวนผัก โอ้กะจู๋” ก็คือ ผักที่ร้านแห่งนี้มีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งผักสลัด ผักชนิดใบต่าง ๆ ผักที่เป็นผล พืชสมุนไพร เช่น ฟักทองญี่ปุ่น แคร์รอต และแตงกวา ที่ปลูกเองแบบออร์แกนิก จากเริ่มต้นที่มีพื้นที่ปลูกเพียง 1 ไร่ ถึงวันนี้ขยายเป็น 200 ไร่ จากการลงไปทำคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งร่วมกับฟาร์มเกษตรที่ปลูกผักออร์แกนิกในอำเภอแม่แจ่ม

ในอนาคต “สวนผัก โอ้กะจู๋” เตรียมขยายสาขาไปในพื้นที่หัวเมืองหลัก ทั้งภาคใต้และอีสาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้สามารถรับส่งวัตถุดิบได้รวดเร็ว นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ไม่สะดวกจะเดินทางไปที่ร้านและตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ที่นิยมสั่งอาหารไปรับประทานที่บ้าน

โอ้กะจู๋ได้ร่วมมือกับแกร็บและฟู้ดแพนด้าให้บริการส่งดีลิเวอรี่ และเตรียมจะมีแอปพลิเคชั่น “โอ้กะจู๋” สำหรับจองโต๊ะ จองคิว และสั่งอาหารกลับบ้าน ที่เตรียมจะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2563

“ชลากร” ทิ้งท้ายไว้ว่า ถึงวันนี้สวนผัก โอ้กะจู๋ ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในแง่ของการที่สามารถส่งต่อสุขภาพที่ดีให้กับลูกค้า แต่เป้าหมายถัดไปคือ จะทำอย่างไรให้ยั่งยืน ดังนั้น สิ่งที่ร้านจะต้องมีก็เพิ่มเข้ามาก็คือ นวัตกรรม ลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามาเสริมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

นอกจากการรักษาคุณภาพให้คงเส้นคงวาแล้ว ขณะเดียวกัน ก็จะยังต้องตามโลกให้ทัน เพราะโลกในทุกวันนี้หมุนเวียนเปลี่ยนไว