“โซนี่” ลุยขยายฐานเพลย์สเตชั่น 4 ปูพรมโรดโชว์เจาะภูธร

“โซนี่” เดินหน้าขยายฐานเกมเมอร์ไทย ส่งเพลย์สเตชั่น 4 รุกหัวเมือง-กลุ่มครอบครัว เล็งปูพรมโรดโชว์-ออกบูท 30 งานทั้งงานแฟร์เกม มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของแต่งบ้าน ฯลฯ หวังสร้างการรับรู้ทุกเซ็กเมนต์ จับมือพันธมิตรร้านค้าหัวเมืองใหญ่เจาะคอเกมภูธร พร้อมระดมแพ็กเกจบันเดิลราคาพิเศษทั้งแถมเกม อุปกรณ์เสริม แพ็กลิมิเต็ดเอดิชั่นย้ำจุดขายราคาจับต้องได้ มั่นใจรั้งแชมป์ตลาดเกม

นายมานพ พาหิระ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท โซนี่ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องเกม “เพลย์สเตชั่น 4” กล่าวว่า ปัจจุบันเครื่องเกมเพลย์สเตชั่น เกม และบริการที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นหนึ่งในรายได้สำคัญของบริษัท หลังมียอดขายทั่วโลกถึง 96.8 ล้านเครื่อง และไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสะท้อนจากยอดขายเครื่องเติบโตก้าวกระโดดช่วง 2559-2561 ที่ผ่านมา และฐานผู้บริโภคหลักที่เป็นเหล่าแฟนเกมซึ่งมีกำลังซื้อสูงและติดตามซื้อเกมใหม่ ๆ สม่ำเสมอปีละ 10-12 เกม ช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากยังมีช่องว่างในต่างจังหวัดที่มีแฟนเกมอยู่ แต่ที่ผ่านมาเข้าถึงสินค้าได้ยาก รวมไปถึงกลุ่มครอบครัวที่มีลูกยังสนใจใช้เกมเป็นกิจกรรมบันเทิงในบ้านกันมากขึ้น สะท้อนจากกระแสตอบรับในช่องทางขายใหม่ ๆ เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า งานแฟร์เกี่ยวกับบ้าน ฯลฯ

“ในแง่ของการแข่งขัน ตลาดนี้ยังน้อยเนื่องจากมีผู้เล่นเพียง 1-2 ราย เช่น นินเทนโด ที่เข้ามาตั้งตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายในไทยเป็นครั้งแรกเมื่อต้นปี แต่กลุ่มเป้าหมายยังต่างกัน และการมีผู้เล่นเพิ่มนี้น่าจะช่วยสร้างความคึกคักให้ตลาดมากกว่า”

นายมานพกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตเกมฟอร์มยักษ์หลายรายให้ความสำคัญกับลูกค้าไทยมากขึ้น เห็นได้จากการลงทุนเพิ่มตัวเลือกซับไตเติลภาษาไทยในเกมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หวังสร้างฐานผู้เล่นและชิงเม็ดเงินในตลาดช่วงกำลังเติบโต จนปัจจุบันมีถึง 12 เกม และต้นปีหน้าจะมีเกมฟอร์มยักษ์อย่างไซเบอร์พังก์ 2077 (Cyberpunk 2077) และเดอะลาสต์ออฟอัส ภาค 2 (The Last of Us : Part II) จะมีภาษาไทยด้วยเช่นกัน เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจและขยายฐานผู้เล่นได้อีกมาก

ทั้งนี้ รายงานประจำปีของโซนี่ระบุว่า ปีงบฯ 2561 เครื่องเกมเพลย์สเตชั่น เกม และบริการที่เกี่ยวข้องสร้างรายได้ทั่วโลกกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีงบฯ 2561 ที่ผ่านมาเติบโต 18.8% จากปีก่อน และคิดสัดส่วน 27% ของรายได้รวม 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

นายมานพย้ำว่า จากนี้ไปบริษัทจึงเร่งเดินหน้าเจาะฐานลูกค้าต่างจังหวัดและกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นช่องว่างของตลาดด้วยการส่งสินค้าไปวางขายร้านค้า

หลากหลายรูปแบบนอกเหนือจากร้านเกม ไม่ว่าจะเป็นเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเพาเวอร์มอลล์ และเพาเวอร์บาย ร้านสินค้าไอที และอื่น ๆ รวมถึงร้านดีลเลอร์ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ฯลฯ เช่นเดียวกับการเดินสายจัดโรดโชว์และบูททดลองเล่นเกมอย่างน้อย 30 งานทั่วประเทศ ซึ่งจะขยายเข้าไปในงานอื่น ๆ นอกเหนือจากเกมด้วย เช่น งานแฟร์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงด้านบ้านและเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัว

พร้อมกลยุทธ์หลักเป็นการทำราคาสินค้าให้จับต้องง่ายและสามารถเล่นเกมได้ทันทีแบบวันสต็อปช็อปปิ้ง โดยอาศัยความได้เปรียบจากอัตราภาษีนำเข้าตัวเครื่องที่ลดลงเหลือ 0% ตั้งแต่ช่วงกลางปี มาทำชุดบันเดิลแถมเกมและอุปกรณ์เสริมในราคาพิเศษประมาณ 11,900-14,900 บาท เช่น แถมเกม 1-3 เกม หรือแถมเกมและคอนโทรลเลอร์อีก 1 อัน หรือเพิ่มประกันเป็น 2 ปี เป็นต้น รวมถึงนำเครื่องรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นเข้ามาวางขาย เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการตัดสินใจ

“แม้ปีหน้าเพลย์สเตชั่น 4 จะมีอายุการทำตลาดถึง 7 ปีแล้ว หลังเปิดตัวเมื่อปี 2556 แต่เชื่อว่าด้วยไลน์อัพเกมที่มีอยู่กว่า 1,500 เกม และราคาที่จับต้องง่ายขึ้น จะช่วยให้สามารถทำตลาดต่อไปได้”

นอกจากนี้ยังรับมือกับความนิยมเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนที่กำลังมาแรง ด้วยฟังก์ชั่นรีโมตเพลย์ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมที่มีในเครื่องเพลย์สเตชั่นผ่านสมาร์ทโฟนทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอสขณะอยู่นอกบ้านได้ ช่วยตอบโจทย์ด้านความสะดวก โดยหลังเปิดตัวเมื่อเดือน ต.ค.ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ

“ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้และไลน์อัพเกมฟอร์มยักษ์ที่เตรียมเปิดตัวในโค้งท้ายนี้และปีหน้า อย่างเดทสแตนดิ้ง, ไฟนอลแฟนตาซี 7 รีเมค, ไซเบอร์พังก์ 2077 และอื่น ๆ มั่นใจว่าจะช่วยให้ยอดขายยังเติบโตและสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเกมคอนโซลของไทยต่อไปได้แน่นอน” นายมานพกล่าว