‘คังเซน’รุกออนไลน์สู้ศึกขายตรงแข่งเดือด

“คังเซน เคนโก” ปรับทัพสู้ศึกตลาดขายตรงชะลอตัว ยกเครื่องรูปแบบการขาย รุกออนไลน์ เสริมออฟไลน์ รับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างแอปพลิเคชั่นซัพพอร์ตสมาชิก พร้อมเดินหน้าพัฒนาสินค้าเจาะกลุ่มวัยรุ่น พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาในต่างประเทศ ตั้งเป้าสิ้นปีโกย 2 พันล้าน

นายพงศ์ธณัช สุขเสถียรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คังเซน เคนโก จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจขายตรงมูลค่า 7-8 หมื่นล้านบาท อยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อ หากสังเกตจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคค่อนข้างจะระมัดระวังการจับจ่ายและซื้อสินค้าเฉพาะที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และผู้บริโภคอีกกลุ่มมีพฤติกรรมการนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูงจากการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ รวมถึงแชร์ลูกโซ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ธุรกิจขายตรง

โดยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คังเซนฯต้องปรับตัวและทำการตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่เป็นออนไลน์ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น จากเดิมคังเซนฯจะเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออฟไลน์เป็นหลัก และช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 200-300 ล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตขึ้น

ซึ่งหลัก ๆ เป็นผลมาจากการลอนช์สินค้าใหม่และการรุกหนักในช่องทางทางออนไลน์ โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม 80% และกลุ่มสุขภาพ 20% ปัจจุบันคังเซนฯมีสมาชิกประมาณ 1.1 ล้านรหัส มีสมาชิกนักธุรกิจ 7 แสนรหัส

“ที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างแอปพลิเคชั่น ‘คังเซน บิสซิเนส โซลูชั่น’ เพื่อซัพพอร์ตการทำงานของสมาชิกและการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ให้นักธุรกิจ และมีแผนจะพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่กับสร้างแรงจูงใจในการขาย ด้วยอินเซนทีฟทั้งเรื่องของรายได้และทริปท่องเที่ยวต่างประเทศทุก ๆ ปี”

นายพงศ์ธณัชกล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไปวางกลยุทธ์โดยมีเป้าหมาย คือ ธุรกิจสีขาวที่มั่นคงและแข็งแกร่ง 1 ใน 10 อันดับของธุรกิจขายตรงระดับประเทศ ขณะเดียวกันก็จะให้ความสำคัญพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้มีคุณภาพ ราคามาตรฐาน ควบคู่กับการนำพรีเซ็นเตอร์ เข้ามาช่วยสื่อสารแบรนด์ เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ จากเดิมที่คังเซนฯเน้นการสนับสนุนการประกวดนางสาวไทยเป็นหลัก

นอกจากนี้ สำหรับแผนงานระยะสั้น (ปี 2563-2564) บริษัทจะเน้นการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เป้าหมายสำคัญคือ เพื่อรักษาสมาชิกรายเดิมไว้และขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่ม นอกจากนี้ ยังมีการขยายสาขา ศูนย์จำหน่ายอิสระคังเซนฯ ทั้งที่เป็นศูนย์ของบริษัทเองและผู้ที่สนใจต้องการจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จากปัจจุบันที่มี 32 สาขา และ 186 สาขา ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในโอกาสที่บริษัทกำลังจะก้าวเข้าสู่ 3 ทศวรรษ ครบรอบ 30 ปี ในปี 2566 คังเซนฯจะเร่งปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้วัยรุ่นขึ้น จากในอดีตที่ผ่านมาสินค้าของคังเซนฯจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าอายุ 30 ปีขึ้นไป ทำให้ต้องพัฒนาสินค้าตามเทรนด์ที่กำลังมาแรงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ จากปัจจุบันมีสินค้า 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ ผลิตภัณฑ์ความงาม สุขภาพ เครื่องใช้ในครัวเรือนและทั่วไป รวมกว่า 200 รายการ

นายพงศ์ธณัชกล่าวต่อไปว่า ส่วนตลาดในต่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง บริษัทมีแผนจะขยายสาขาและจำนวนสมาชิกเพิ่มในแต่ละประเทศ จากปัจจุบันมีธุรกิจในอินโดนีเซีย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา รวมประมาณ 200 สาขา ซึ่งเป็นการบริหารของนักธุรกิจคังเซนฯ โดยยอดขายหลัก ๆ มาจากอินโดนีเซีย ที่มี 53 สาขา มียอดจำหน่ายต่อปี 1,200 ล้านบาท มีสมาชิกมากกว่า 300,000 รหัส เมียนมา มี 4 สาขา สมาชิกมากกว่า 10,000 รหัส และ สปป.ลาว 11 สาขา มีสมาชิก 50,000 รหัส

“สิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายในไทย 500 ล้านบาท และคาดว่ารายได้รวมทุกประเทศจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท หรือมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายพงศ์ธณัชกล่าว