“เจเอสแอล” ต่อยอดธุรกิจใหม่ ปั้นสินค้าสุขภาพจับคนเมือง

ตลาดโฆษณาไม่ฟื้น ผู้ผลิตคอนเทนต์ยังวิ่่งวุ่น เจเอสแอลลุยต่อ จับมือพสุธาราแตกธุรกิจใหม่ ปั้นสินค้าสุขภาพ “อัลลี่” เจาะกลุ่มคนเมือง พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์มด้านอาหารบำบัด “SUKINA” จับกลุ่มคนรักสุขภาพ หวังเติมรายได้สร้างการเติบโตให้ธุรกิจต่อ

นางรติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตคอนเทนต์ เกมโชว์ วาไรตี้ ละคร กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาลดลงต่อเนื่อง จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้รายได้ของผู้ผลิตคอนเทนต์และทีวีก็ลดลงตามไปด้วยตลอด ดังนั้น ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เจเอสแอลจึงพยายามหารายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาทดแทนรายได้จากธุรกิจผลิตรายการทีวีซึ่งเป็นรายได้หลัก ทั้งบริหารคอนเทนต์ ดูแลลิขสิทธิ์แคแร็กเตอร์การ์ตูน การสื่อสารแบรนด์ อีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์

ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้แตกธุรกิจใหม่ในกลุ่มสุขภาพ เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแรงให้แก่บริษัท แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แพลตฟอร์มให้ความรู้เรื่องอาหารบำบัดโรค “SUKINA” โดยได้ “เอื้อมพร แสงสุวรรณ” อดีตบรรณาธิการนิตยสารชีวจิต และนักบำบัดโรคด้วยอาหาร NTP (Nutritional Therapy Practitioner) มาดูแล ซึ่งมีทั้งบริการคอร์ส อบรมทางโภชนาการ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาเมนูอาหารสำหรับสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันได้ผลตอบรับที่ดี มีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และอนาคตมีแผนจะเปิดบริการ “SUKINA Food” ดีลิเวอรี่อาหารบำบัดขึ้นด้วย

อีกธุรกิจคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์ “อัลลี่” (Ali) โดยร่วมกับบริษัท พสุธารา จำกัด ผู้พัฒนาแบรนด์อัลลี่ และเจ้าของฟาร์มเลม พืชสมุนไพรเมืองหนาวแบบอินทรีย์จากราชบุรี ตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นภายใต้ชื่อ บริษัท อัลลี่ เนเชอรัล จำกัด

“จุดเริ่มต้นของความร่วมมือครั้งนี้มาจากประสบการณ์ตรงจากการใช้ผลิตภัณฑ์อัลลี่ หลังจากนั้นก็เริ่มสนใจในตัวสินค้าจนตั้งบริษัทร่วมขึ้น โดยบริษัท พสุธารา จำกัด ยังทำหน้าที่ในการพัฒนา วิจัยสินค้า เช่นเดิม ส่วนเจเอสแอลจะดูแลด้านการตลาดและช่องทางขาย ปัจจุบันอัลลี่มีสินค้าทั้งหมด 7 รายการ เช่น สบู่รังไหมสด สบู่ผักเบี้ยใหญ่ แชมพู ผลิตภัณฑ์ล้างจาน สเปรย์กันยุงโรสแมรี่ เป็นต้น”

นางรติวัลคุ์กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดสินค้าสุขภาพและความงามถือว่าเป็นสมรภูมิที่แข่งขันค่อนข้างสูงเพราะมีผู้เล่นหลายราย ดังนั้นบริษัทต้องวางโพซิชันนิ่งให้แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ชูจุดขายที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่เป็นภูมิปัญญาไทยที่พิถีพิถันทุกรายละเอียด ตั้งแต่การปลูกวัตถุดิบ คัดสรรส่วนประกอบ การผลิต ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เจาะกลุ่มคนวัยทำงานและคนรักสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าสร้างพันธมิตรกับหลากหลายธุรกิจ (collaboration project) เช่น ร่วมกับโครงการปักจิตปักใจ จัดชุดสังฆทานถวายของใช้จำเป็นสำหรับพระสงฆ์ที่บริสุทธิ์ปราศจากน้ำหอมและสารเคมี โดยใช้ผ้าที่ปักจากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เป็นต้น

ในส่วนช่องทางจำหน่าย เน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ @Alinaturalliving แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ คอนวี่ (Knovy) อีกทั้งเตรียมเปิดหน้าร้านที่ศูนย์การค้ามิกซ์ จตุจักร กลางเดือนพฤศจิกายนนี้ รองรับกับกลุ่มลูกค้าที่อยากมีประสบการณ์ได้เข้าไปสัมผัสกับสินค้าจริงโดยตรง และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“ร้านอัลลี่ ที่จตุจักร จะไม่ใช่แค่ร้านขายสินค้าเท่านั้น แต่จะมีการจัดเวิร์กช็อปให้ลูกค้าสามารถมาเรียนรู้การทำผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองแบบส่วนตัว นอกจากนี้ก็จะมีการจัดเสวนากลุ่มเล็ก ๆ เรื่องอาหารและสุขภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้าด้วย”

นางรติวัลคุ์กล่าวต่อว่า อนาคตมีแผนจะขยายสู่ตัวแทนจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการรับผลิตผลิตภัณฑ์ (OEM) ให้กับธุรกิจโรงแรม สปา หรือโรงพยาบาลด้วย

“ปีนี้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ทำให้ผู้ผลิตก็ตกอยู่สถานการณ์ลำบาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทผลิตรายการทีวีอยู่ 5 รายการ เช่น เจาะใจ ยุทธการขยับเหงือก ตามสัญญา เป็นต้น ขณะที่ปี 2563 คาดว่าจำนวนรายการจะเพิ่มทั้งรายการวาไรตี้ ละคร ประกอบกับมีรายได้จากธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา ดังนั้น คาดว่าภาพรวมรายได้ปี 2563 จะดีกว่าปีนี้แน่นอน”