ประกิต…ฝ่าวิกฤต สลัดทุกกรอบ สร้างโอกาส

เผชิญกับสารพัดมรสุม ทั้งมิติการแข่งขันระหว่างบริษัทมีเดียเอเยนซี่โฆษณาด้วยกัน และแนวโน้มการใช้เม็ดเงินโฆษณาของสินค้าลดลงต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขณะที่โจทย์สำคัญขณะนี้ คือ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว จากเทคโนโลยีและการขยายตัวของสื่อดิจิทัล การปรับกลยุทธ์ ขยับองค์กรให้สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลายเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับเอเยนซี่สัญชาติไทยอย่าง ประกิต โฮลดิ้งส์

“อภิรักษ์ อภิสารธนรักษ์” กรรมการบริหาร บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการวางแผนสื่อโฆษณาครบวงจร ให้สัมภาษณ์กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนเร็วมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เป็นอะไรที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้บริษัทในฐานะเอเยนซี่โฆษณาที่ต้องทำงานร่วมกับลูกค้า (สินค้า) ก็ต้องปรับกลยุทธ์และเปลี่ยนวิธีคิดใหม่

นั่นหมายถึงจากนี้ไป ประกิตฯจะเปิดกว้างมากขึ้น ทั้งการจับมือร่วมกับพันธมิตร หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เน้นเฉพาะการเติบโตภายในองค์กร ด้วยการตั้งแผนกขึ้นมารองรับการขยายตัวของธุรกิจใหม่ ๆ อย่างเดียว

ยกตัวอย่าง เช่น ในยุคที่ธุรกิจอีเวนต์เติบโต บริษัทก็แตกทีมอีเวนต์ขึ้นมาบริหารดูแล หรือเมื่อสื่อดิจิทัลได้รับความนิยม บริษัทก็ตั้งแผนกดิจิทัลขึ้น เป็นต้น

“การเติบโตของประกิตฯที่ผ่านมา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเป็นการเติบโตแบบออร์แกนิก จากการแตกยูนิตภายในองค์กรเท่านั้น และค่อย ๆ เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่ปลายปี 2557 ด้วยการควบรวมบริษัท แบงค์คอก ไรเตอร์ จำกัด เข้ามาเสริมทัพธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์”

“อภิรักษ์” ขยายความว่า บริษัทมีแผนจะทำโครงการความร่วมมือ (Collaborative Project) กับพันธมิตรและแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรหลาย ๆ ราย โดยแนวทางนี้จะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้เร็วขึ้น ตามแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนเร็วด้วย

นอกจากนี้ ล่าสุดได้ตั้ง บริษัท 62 คอนเทนท์ แอนด์ ดีซายน์ จำกัด ขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็ว ซึ่งบริษัทใหม่นี้ทำหน้าที่ผลิตคอนเทนต์ให้แก่ลูกค้า (สินค้า) ในหลากหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอ ชอตคลิป เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัท 62 คอนเทนท์ฯนี้จะทำหน้าที่กึ่ง ๆ โปรดักชั่นเฮาส์ แต่ไม่ได้มีสเกลที่ใหญ่เหมือนโปรดักชั่นเฮาส์ ทำให้คล่องตัวกว่า ปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ได้รวดเร็วตามแนวโน้มและความสนใจของตลาดในช่วงนั้น ๆ และสามารถทำงานได้ในระยะเวลาที่จำกัดเรียกว่าเป็นทีมภายในองค์กรที่เป็นฟันเฟืองในการหมุนให้ทันพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่รออะไรไม่ได้ ทุกอย่างต้องเดี๋ยวนี้

“หลัก ๆ แล้วแนวคิดของบริษัท 62 คอนเทนท์ฯ คือ การหยอดไอเดียทั้งก้อนเล็ก ๆ และก้อนใหญ่ ๆ จำนวนมาก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าไอเดียไหนจะโดนใจผู้บริโภค แต่เราจะหยอดไอเดียทั้งหมดเข้าไปในระบบ ซึ่งระบบนี้ก็จะมีทีม มีการลงทุน โดยนำไอเดียเหล่านั้นมาพัฒนา ดูความเป็นไปได้ จนได้เป็นโปรเจ็กต์ออกมา ซึ่งบางไอเดียก็พัฒนามาเป็นโปรเจ็กต์ บางไอเดีย บางโปรเจ็กต์ก็อาจจะไม่เกิดก็ได้ ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่า โปรเจ็กต์ที่ออกมานั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับผู้บริโภค”

เขาย้ำว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและการขยายตัวของสื่อใหม่ ประกิตฯก็ยังชูจุดแข็งของการเป็นเอเยนซี่ที่ครบวงจร ขณะเดียวกันก็ต้องกลับไปพิจารณาว่า การใช้

สื่อออฟไลน์และออนไลน์ตอบโจทย์ลูกค้า (สินค้า) และกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องปรับ ต้องเพิ่ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือการเพิ่มยอดขาย เพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้แก่ลูกค้า (สินค้า) ซึ่งวันนี้ก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จว่า ถ้าใช้สื่อออนไลน์ สื่อออฟไลน์ หรือผสมผสานกันทั้งสองสื่อแล้ว ลูกค้า (สินค้า) จะประสบความสำเร็จ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโจทย์ กลุ่มเป้าหมายของลูกค้า และขึ้นอยู่ว่าสินค้าเป็นอะไร เท่ากับว่าต้องมีส่วนประกอบหลาย ๆ มิติ แล้วเลือกช่องทางการสื่อสารให้เหมาะสม

ในส่วนของการขยายธุรกิจต่างประเทศนั้น “อภิรักษ์” บอกว่า ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เวียดนาม และเมียนมา ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทำให้มีทีมไม่ใหญ่มาก ขณะที่ปีนี้ตลาดโฆษณาในประเทศซีแอลเอ็มวีเติบโตขึ้น จากการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมียนมาและกัมพูชา

ทำให้ปีนี้บริษัทได้เสริมทีมเพิ่มขึ้น เฉลี่ยแล้ว 1 ทีมของแต่ละประเทศจะมีทีมงานประมาณ 40-50 คน ทำหน้าที่ดูแลลูกค้า ทั้งโลคอลแบรนด์ อินเตอร์แบรนด์ และแบรนด์ไทยที่เข้าไปขยายตลาดในประเทศเหล่านี้ด้วยบริการที่ครบวงจรเช่นเดียวกันในไทย

สำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีรายได้รวม 284.81 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 264.50 ล้านบาท โดยมีกำไรอยู่ที่ 37.89 ล้านบาท ลดลง 1.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีลูกค้า (สินค้า) ที่ใช้บริการประมาณ 50 ราย

อย่างไรก็ตาม “อภิรักษ์” ย้ำว่า แนวทางการเติบโตที่วางไว้ยังคงกรอบแนวคิดเดิม คือ วางตัวเองเป็นเอเยนซี่โฆษณาที่ให้บริการครบวงจร ทั้งการให้บริการด้านครีเอทีฟ การวางแผนสื่อซื้อ-ขายโฆษณา การออกแบบผลิตภัณฑ์ ธุรกิจอีเวนต์ เพียงแต่ว่าแนวทางใหม่นี้จะเข้ามาสนับสนุนให้บริษัท ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น และเติบโตได้แบบก้าวกระโดดจากการจับมือร่วมกับพันธมิตร ปรับเปลี่ยนการทำงานทุกอย่างให้ดีขึ้น


วันนี้ ประกิต โฮลดิ้งส์ ในฐานะมีเดียเอเยนซี่สัญชาติไทยก็อยู่นิ่งไม่ได้ แต่อยู่ระหว่างการปรับกระบวนทัพ ปรับกลยุทธ์ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางมรสุมต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็พร้อมสร้างการเติบโตให้องค์กรแบบก้าวกระโดด