“โซจิรูชิ” ทุ่มงบฯขยายตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

“โซจิรูชิ” เพิ่มดีกรีรุกตลาดภาชนะเก็บอุณหภูมิ ส่งทัพทัมเบลอร์-กระติกรับกระแสรักษ์โลก-ลดพลาสติก ขนทัพสินค้าใหม่บุกเป็นระลอก ๆ ชูดีไซน์-สีสันตอบโจทย์หนุ่ม-สาวออฟฟิศ หวังรั้งตำแหน่งเจ้าตลาดหลังคู่แข่งใหม่เพียบ พร้อมขยายฐานรุกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ประเดิมส่งหม้อหุงข้าวปักธงตลาดกลาง-บน พร้อมอัดงบฯ 15% เพิ่มความถี่โปรโมชั่น-อีเวนต์กระตุ้นจับจ่ายปลายปี

นายซึคาสะ คานากาวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โซจิรูชิ เอสอี เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตภาชนะเก็บอุณหภูมิและเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ หม้อหุงข้าวแบรนด์ “โซจิรูชิ” (Zojirushi) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงสภาพตลาดและทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป ว่า สำหรับตลาดภาชนะเก็บอุณหภูมิที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตปีละ 5-10% ปัจจุบันคาดว่ามีขนาดประมาณ 2 ล้านใบ โดยในช่วง 1-2 ปีนี้ทั้งผู้บริโภคชาวไทยและภาคธุรกิจมีความตื่นตัวเรื่องการใช้ภาชนะที่สามารถใช้ซ้ำได้มากขึ้นเป็นพิเศษ ส่งผลให้มีผู้เล่นเพิ่มขึ้น อาทิ ทีฟาล์ว, ล็อคแอนด์ล็อค และอื่น ๆ จากเดิมที่มีผู้เล่นหลัก ๆ เพียง 3 รายหลัก คือ โซจิรูชิ, ไทเกอร์ (Tiger) และเทอร์มอส (Thermos) และจากแนวโน้มดังกล่าว ที่ผ่านมาบริษัทได้เร่งทำการตลาดเป็นระยะ ๆ ทำให้ปี 2562 (ธ.ค. 2561-พ.ย. 2562) มียอดขายสูงสุดในรอบ 5 ปีเพื่อรักษาโมเมนตัมดังกล่าว ปีนี้ (ธ.ค. 2562-พ.ย. 2563) บริษัทจึงได้เร่งทำการตลาดมากขึ้นอีก โดยได้เพิ่มงบฯการตลาดและเพิ่มความเข้มข้นของกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งการขยายไลน์อัพ

ภาชนะเก็บอุณหภูมิให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคให้มากขึ้น พร้อมกับการเพิ่มแคทิกอรี่ใหม่เข้ามาทำตลาด อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทในญี่ปุ่น นำร่องด้วยหม้อหุงข้าวที่มีจุดขายเป็นการพัฒนาให้เหมาะกับการหุงข้าวพันธุ์ที่คนไทยนิยมรับประทาน เพื่อกรุยทางเตรียมนำสินค้าอื่น ๆ ตามเข้ามาเพิ่ม โดยการทำตลาดสินค้ากลุ่มภาชนะเก็บอุณหภูมิที่เป็นสินค้าหลักในไทยนั้น บริษัทจะมีแผนเพิ่มจำนวนสินค้าให้มากขึ้น โดยมุ่งเจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและตื่นตัวเรื่องการลดพลาสติกและเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมนิยมบริโภคเครื่องดื่มร้อน-เย็นสูง อาทิ กาแฟ ชา สะท้อนจากการเติบโตของธุรกิจกาแฟ และความนิยมแก้วเก็บอุณหภูมิหรือทัมเบลอร์ช่วงก่อนหน้านี้

สินค้าใหม่ที่จะวางตลาด จะมีความหลากหลายทั้งดีไซน์ขวด-ฝา การใช้สีโทนพาสเทล ลวดลายต่าง ๆ รวมถึงขนาดความจุ 200 มล. ที่สะดวกในการพกพา เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดผู้บริโภค และมีไฮไลต์เป็นแก้วทัมเบลอร์ รุ่นใหม่ SX-FSE45 ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์การใส่เครื่องดื่มพร้อมน้ำแข็งมาก ๆ รวมทั้งกระติกอาหารเก็บอุณหภูมิ (food jar) เพื่อเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ มีจุดขายที่สามารถใช้ทำอาหารประเภทต้มหรือตุ๋นได้แบบสโลว์คุ้ก เช่น ข้าวต้มที่เพียงใส่วัตถุดิบพร้อมน้ำร้อนแล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะสุกพร้อมทาน สอดรับกับไลฟ์สไตล์การทำอาหารสุขภาพมาทานเป็นมื้อกลางวันในออฟฟิศ

พร้อมกันนี้ก็จะเร่งสร้างการรับรู้สินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งได้เปิดตัวหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 2 รุ่น NL-GAQ18T และ NL-GAQ10T เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ชูจุดขายการพัฒนามาให้รองรับสำหรับการหุงข้าวไทย 5 สายพันธุ์ ทั้งข้าวขาว, ข้าวหอมมะลิ, ข้าวกล้อง, ข้าวกล้องหอมมะลิ และไรซ์เบอรี่

“แม้ในไทยบริษัทจะเป็นที่รู้จักด้านภาชนะเก็บอุณหภูมิ แต่ที่จริงแล้วในรายได้ 8.53 หมื่นล้านเยนของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมาจากกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวถึง 63% ขณะที่กลุ่มภาชนะมีสัดส่วนเพียง 30% ดังนั้น จึงมั่นใจว่าสินค้าของบริษัทจะสามารถแข่งขันในตลาดได้ และมีแผนจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ตามเข้ามาในอนาคต”

นายซึคาสะ คานากาวะ กล่าวว่า สำหรับช่วงปลายปีที่เป็นไฮซีซั่นและสร้างยอดขายถึง 30% ของทั้งปี บริษัทได้เพิ่มงบฯอีก 15% โดยทุ่ม 40% ให้กับการทำตลาดหม้อหุงข้าวเน้นกลยุทธ์สไตล์ชม-ชิมเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นความแตกต่างของสินค้า และขยายช่องทางขายใหม่ ๆ ส่วนภาชนะเก็บอุณหภูมิจะมีโปรโมชั่นราคาและแถมของพรีเมี่ยมในหลายช่องทาง พร้อมกับเพิ่มความถี่ของอีเวนต์ภายใต้ธีมรักษ์โลกเพื่อให้เข้ากับเทรนด์ลดพลาสติก ด้วยการจับมือกับพันธมิตรร้านเครื่องดื่มและโรงเรียนสอนทำอาหาร จัดสาธิตทำอาหาร-เครื่องดื่ม รวมทั้งการสร้างการรับรู้ผ่านสื่อต่าง ๆ อาทิ คลิปวิดีโอ, แรปรถไฟฟ้า ฯลฯ จากแนวทางดังกล่าวโดยเฉพาะการขยายไลน์อัพสินค้าใหม่จะช่วยให้บริษัทเติบโตได้ 5-10% จากปกติที่มีตัวเลขเฉลี่ย 4-5% ต่อปี