อยู่คู่กับธุรกิจขายตรงเมืองไทยมานานกว่า 32 ปีแล้ว สำหรับ “แอมเวย์” บริษัทขายตรงเบอร์ 1 ของเมืองไทย
จากยอดขายในปีแรกที่ทำได้กว่า 60 ล้านบาท จนสิ้นปี 2561 ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายสวนกระแส โดยมียอดขายมากกว่า 19,000 ล้านบาท แน่นอนว่า นอกจากเรื่องของ คุณภาพสินค้า ระบบขายตรงที่มีมาตรฐาน แล้ว แอมเวย์ ยังมีทีมงานนักธุรกิจอิสระที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยเกื้อหนุนอีกแรง
ล่าสุด “กิจธวัช ฤทธีราวี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ ถึงภาพรวมของตลาดและกลยุทธ์การดำเนินงาน…ดังนี้
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
แม่ทัพใหญ่ แอมเวย์ ระบุว่า วันนี้ แม้ภาพรวมของตลาดขายตรงที่มีมูลค่าตลาดรวมราว ๆ 7 หมื่นล้านบาท จะอยู่ในภาวะช่วงชะลอตัว จากปัจจัยเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า ที่กระทบต่อภาคธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกด้านหนึ่งก็ต้องรับมือกับการแข่งขันในธุรกิจ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากเทคโนโลยีดิสรัปชั่น แต่จากการปรับตัวและการวางยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีส่วนทำให้ผลการดำเนินงานสำเร็จตามเป้าที่วางไว้
พร้อมกันนี้ “กิจธวัช” ยังย้อนเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แอมเวย์ ได้ปรับโครงสร้างรายได้ของนักธุรกิจทุกระดับ ด้วยโปรแกรมคอร์พลัส (Core Plus+) เพื่อเพิ่มรายได้ช่วงเริ่มต้น ทำให้ได้ผลตอบแทนทันที ตั้งแต่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชิ้นแรก
เขาย้ำว่า โปรแกรมนี้มีจุดแข็งหลัก ๆ ใน 3 เรื่อง คือ 1. ช่วยให้นักธุรกิจใหม่เริ่มต้นทำธุรกิจได้เร็วขึ้น 2.ทำให้นักธุรกิจได้รับเงินรางวัลและลำดับขั้นความสำเร็จ โดยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20-30% และ 3.ช่วยให้นักธุรกิจระดับผู้นำสามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากเริ่มใช้โปรแกรมคอร์พลัสมา 2 เดือน ทำให้มียอดการสมัครสมาชิกใหม่เติบโตเฉลี่ย 30% ส่วนผลประกอบการ ปีนี้คาดว่าจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 7-8%
โดยสินค้าที่ทำรายได้หลัก ๆ สัดส่วนจะมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์และอาร์ทิสทรี แบรนด์เครื่องสำอาง ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและเทคโนโลยี แอมเวย์ยังมีฐานลูกค้าเดิมที่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจุบัน แอมเวย์ มีนักธุรกิจตัวแทนจำหน่ายประมาณ 330,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ถึง 2 ใน 3 นอกจากนี้ยังมีสมาชิกผู้ใช้สินค้าอีกมากกว่า 720,000 ราย
“กิจธวัช” ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ที่มีความสะดวกและรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทขายตรงทุกบริษัทต้องปรับตัวทั้งการพัฒนาสินค้า การเพิ่มช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะการให้น้ำหนักกับช่องทางออนไลน์ อาทิ แพลตฟอร์มเว็บไซต์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
จากไปนี้ยุทธศาสตร์ของแอมเวย์ในปี 2563 ต้องเตรียมสร้างแอปพลิเคชั่นมาร์เก็ตเพลซ เพิ่มช่องทางขายสินค้าแอมเวย์ เพื่อรองรับการเติบโตของยุคดิจิทัลที่กำลังมาแรง โดยมีจุดเด่น คือ มีขั้นตอน สั่งสินค้าได้ง่าย และส่งสินค้าเร็ว เพื่อเติมเต็มเครื่องมือออนไลน์ให้กับนักธุรกิจ ซึ่งจะเห็นได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพ เทียบเท่ากับมาร์เก็ตเพลซอื่น ๆ
อีกด้านหนึ่ง ยังต้องเตรียมพร้อมระบบโลจิสติกส์ขยายศูนย์กระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
“ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การปลดล็อกให้นักธุรกิจสามารถใช้สื่อโซเชียล แพลตฟอร์มในการทำธุรกิจได้ จากเมื่อในอดีตที่ผ่านแอมเวย์จะไม่อนุญาตให้นักธุรกิจ ใช้ช่องทางออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์สินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ
หัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ แอมเวย์ ทำมาอย่าางต่อเนื่องก็คือ การเดินหน้าพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยการนำเสนอโซลูชั่นผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยยึดหลัก consumer centric หรือการยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและกลุ่มความงาม เพื่อสร้างการแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ล่าสุด ได้ลอนช์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ “นิวทริไลท์ ดับเบิ้ล เอ็กซ์ ไฟโตเบลนด์” โดยพัฒนาสูตรจากเดิมที่ติดอันดับผลิตภัณฑ์ขายดีของแอมเวย์ พร้อมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ป๊อก-ภัสสรกรณ์ และมาร์กี้-ราศรี เพื่อสื่อสารแบรนด์ไปถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุมตามมาด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องกรองอากาศ “แอทโมสเฟียร์ สกาย” รวมถึงด้านผลิตภัณฑ์ความงามที่ แอมเวย์ ได้ต่อยอดเทรนด์เพอร์เซอนัลไลซ์ ได้แก่ อาร์ทิสทรี ซิกเนเจอร์ ซีเล็กต์ มาสค์ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ แม่ทัพ แอมเวย์ ยังย้ำในตอนท้ายว่า “แม้ในอนาคตแอมเวย์จะปรับตัวเข้าสู่ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น แต่บริษัทจะยังไม่ทิ้งระบบการขายแบบเดิม และทั้ง 2 ช่องทางจะเดินหน้าไปพร้อมกัน และบริษัทต้องการที่จะบาลานซ์ยอดขายของทั้งสองช่องทางมีสัดส่วนเท่า ๆ กัน”
จากยุทธศาสตร์ที่วางไว้ดังกล่าว จะส่งผลให้ แอมเวย์ ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดขายตรงได้ต่อเนื่อง และมีเป้าหมายว่า อีก 5 ปีข้างหน้า จะมียอดขายทะลุ 3 หมื่นล้านบาท