“วีจีไอ” สลัดคราบป้ายโฆษณา ซินเนอร์ยี่ยกเครือ-ชิงส่วนแบ่งทีวีปั๊มยอด

“วีจีไอ” พลิกภาพบริษัทโฆษณาสู่เอเยนซี่ครบวงจรด้วยการปั้น “วีจีไอ ดิจิทัล แล็บ” ชิงเบอร์ 1 ตลาดดิจิทัลเอเยนซี่ไทย เปิดเกมรุกซินเนอร์ยี่ทุกธุรกิจในเครือ ทั้งแรบบิท-ไลน์เพย์-เคอรี่ ปั้นโซลูชั่นการตลาดออนไลน์-ออฟไลน์เสิร์ฟลูกค้าทุกกลุ่ม หวังรับมือแนวโน้มสื่อเก่าทรง-ทรุด พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนป้ายนิ่งเป็นป้ายดิจิทัล ยึดไพรมโลเกชั่นทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มั่นใจกลยุทธ์ใหม่ปั้นรายได้เติบโต 30% ต่อเนื่อง

ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องสำหรับ “วีจีไอ” สื่อนอกบ้านยักษ์ใหญ่ บริษัทในเครือของบีทีเอส ภายใต้ร่มเงา “คีรี กาญจนพาสน์” ประธานคณะกรรมการบริหารแห่งบีทีเอส กรุ๊ป โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาทยอยเข้าลงทุนในธุรกิจสื่อนอกบ้านต่าง ๆ ทั้งบิลบอร์ด เบอร์ต้น ๆ อย่างมาสเตอร์แอด, แพลนบี, ฮัลโล บางกอก, แอลอีดี อีกทั้งการเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่าง ๆ เช่น บริการโลจิสติกส์ “เคอรี่” เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมทุนกับหลายบริษัท เช่น การร่วมทุนกับบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือช่อง 7 ตั้งบริษัท บีวี มีเดีย แอดส์ จำกัด ตลอดจนตั้งบริษัทร่วมทุนกับสห ลอว์สัน และสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ในชื่อ “เอสแอลวี รีเทล” เพื่อประกอบธุรกิจร้านสะดวกซื้อลอว์สันบนบีทีเอส

ทั้งหมดล้วนเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะสนับสนุนให้ “วีจีไอ” ค่อย ๆ สลัดภาพของการเป็นแค่ผู้ให้บริการสื่อนอกบ้านรายใหญ่สู่การพลิกตัวเป็นผู้ให้บริการทางการตลาดแบบครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (O2O solution) ที่พร้อมจะต่อยอดสร้างโอกาสใหม่ ๆ จากทุกธุรกิจในเครือ

ชี้แนวโน้มสื่อเก่าไม่โต

นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อนอกบ้าน ธุรกิจบริการชำระเงิน แรบบิทการ์ด และธุรกิจขนส่ง “เคอรี่” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ของธุรกิจสื่อในเมืองไทยกำลังเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมสื่อโลกนั่นคือ แนวโน้มการใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อเก่า เช่น ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น ลดลงเรื่อย ๆ สะท้อนจากการใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อทีวีที่คาดว่าจะลดสัดส่วนเหลือเพียง 50% ของภาพรวมอุตฯในเร็ว ๆ นี้

ขณะที่สื่อออนไลน์และสื่อนอกบ้านยังคงเติบโต เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนโดยใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาพรวมธุรกิจสื่อนอกบ้านปีนี้ก็จะเติบโตประมาณ 5-10% จากปีก่อน ปัจจัยมาจากการเปลี่ยนจากป้ายนิ่งเป็นป้ายดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะไพรมโลเกชั่น ส่วนสื่อออนไลน์ก็โตขึ้นจากพฤติกรรมการรับสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยรับข่าวสารจากสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ปีนี้คาดว่าแบรนด์ต่าง ๆ จะโยกย้ายงบฯโฆษณาจากสื่อเก่าอย่างทีวีมาที่สื่อออนไลน์และสื่อนอกบ้านมากขึ้น ทำให้ 2 กลุ่มนี้ยังโตต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าชิงเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นมานี้้ด้วยการอัพเกรดตัวเองเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยซินเนอร์ยี่ธุรกิจต่าง ๆ ในเครือเพื่อสร้างโซลูชั่นการตลาด”

ซินเนอร์ยี่ธุรกิจเติมรายได้

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทวีจีไอ ระบุว่า ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้นและประกอบกับปีนี้ยังมีปัจจัยลบจากภายนอกเพิ่มเข้ามา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านที่กำลังปะทุขึ้น ก็อาจจะเป็นอีกแรงส่งสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจสื่อในไทย ขณะที่ธุรกิจของวีจีไอปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างแพลตฟอร์มโฆษณาครบวงจรขึ้น ประกอบด้วยการใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าจากบัตรแรบบิท แรบบิทไลน์เพย์ มาหากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับสินค้า-บริการของลูกค้า จากนั้นใช้บริการเคอรี่ส่งสินค้าตัวอย่างให้กลุ่มทดลองก่อนจะสื่อสารผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จากนั้นจึงส่งเสริมการขายผ่านโปรโมชั่นของบัตรแรบบิท-แรบบิทไลน์เพย์ รวมถึงร้านสะดวกซื้อลอว์สันบนสถานีบีทีเอส นอกจากนี้ ยังรองรับการทำตลาดในแดนมังกรผ่านบริษัทร่วมทุนในประเทศจีน

กลยุทธ์หลักจากนี้ คือ การเดินหน้าเป็นผู้ให้บริการด้านการตลาดแบบครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (O2O solution) ด้วยการซินเนอร์ยี่ทุกธุรกิจในเครือเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บริษัท โดยแบ่ง 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสื่อ ประกอบด้วยสื่อกลางแจ้ง สื่อสนามบิน บริการสาธิตสินค้า สื่อในรถไฟฟ้าและอาคารสำนักงาน ตามด้วยธุรกิจบริการชำระเงิน ได้แก่ แรบบิทการ์ด แรบบิทไฟแนนซ์ สินเชื่อแรบบิทอิออน และธุรกิจขนส่งสินค้า เคอรี่

นายเนลสัน เหลียง กล่าวว่า ในส่วนธุรกิจสื่อนอกบ้าน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การเปลี่ยนป้ายนิ่งเป็นป้ายดิจิทัลอีก 20-30% จากจำนวนป้ายทั้งหมด โดยเฉพาะพื้นที่ไพรมโลเกชั่นตามสี่แยกสำคัญ ๆ ต่าง ๆ เช่น ลาดพร้าว เป็นต้น รวมถึงเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ อีกส่วนคือการขยายป้ายไปยังหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ สงขลา เป็นต้น รวม 10-20 จอ

นอกจากนี้ มีแผนจะปรับพื้นที่เช่าใหม่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสด้วย โดยจะเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างวีจีไอและบีทีเอส เพื่อปรับโฉมพื้นที่เช่าบนสถานีให้ทันสมัยขึ้น ทั้งนี้ ภาพลักษณ์ใหม่เบื้องต้นจะประกอบด้วย ร้านสะดวกซื้อ (ลอว์สัน) 1 ร้าน จุดบริการรับส่งสินค้าเคอรี่ 1 จุด ตู้เอทีเอ็ม ส่วนแม็กเนตอื่น ๆ ก็จะค่อย ๆ เติมเข้ามา คาดว่าจะเริ่มต้นเร็ว ๆ นี้

 

ปั้น…วีจีไอดิจิทัลเอเยนซี่

สำหรับธุรกิจบริการชำระเงิน ได้แก่ แรบบิทการ์ด แรบบิทไฟแนนซ์ สินเชื่อแรบบิทอิออน ก็ยังเดินหน้าต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็ใช้ฐานข้อมูลจากบัตรแรบบิทการ์ดที่มีสมาชิก 12.2 ล้านใบ และแรบบิทไลน์เพย์ 7 ล้านรายมาต่อยอดธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ภายใต้ชื่อ “วีจีไอ ดิจิทัล แล็บ” ซึ่งจะให้บริการด้านการตลาดบนช่องทางออนไลน์

นายเนลสัน กล่าวว่า วีจีไอ ดิจิทัล แล็บจะเข้ามาช่วยซัพพอร์ตทีมขายด้วยการใช้ฐานข้อมูลที่มีทั้งจากแรบบิทการ์ด แรบบิทไลน์เพย์ สำหรับการวางแผนสื่อออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น อีกทั้งยังจัดแพ็กเกจโฆษณาของสื่อในเครือให้สอดรับกับวัตถุประสงค์ของแต่ละสินค้าด้วย ซึ่งเปิดกว้างสำหรับสินค้าทุกกลุ่มที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านสื่อนอกบ้าน และสื่อออนไลน์ โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นดิจิทัลเอเยนซี่เบอร์ 1 ในตลาดไทยด้วย

“วีจีไอ ดิจิทัล แล็บ จะเป็นหัวหอกสร้างการเติบโตระดับ 30% ให้กับบริษัทแทนธุรกิจป้ายโฆษณาที่ตลาดเริ่มทรงตัวด้วยการซินเนอร์ยี่ธุรกิจต่าง ๆ ในเครือเข้าด้วยกัน ทั้งป้ายโฆษณา ฐานข้อมูลบัตรแรบบิท-แรบบิทไลน์เพย์ เครือข่ายโลจิสติกส์เคอรี่ ร้านลอว์สันบนบีทีเอส ไปจนถึงบริษัทร่วมทุนในจีน เพื่อสร้างโซลูชั่นการตลาดให้กับลูกค้า”

ขณะที่ธุรกิจโลจิสติกส์นั้นจะขยายจุดบริการเคอรี่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดเพิ่มอีก 2,000-3,000 จุด โดยเฉพาะต่างจังหวัด จากปัจจุบันมี 10,000 จุดและสามารถส่งพัสดุได้มากที่สุดถึง 2 ล้านชิ้นต่อวัน

เดินหน้าควบรวมกิจการต่อ

นายเนลสัน เหลียง กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของการควบรวมกิจการ หรือการลงทุนธุรกิจในอนาคตนั้น อาจจะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต แต่จะเป็นการเข้าไปลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่บริษัทมีเพื่อสามารถต่อยอดและสร้างความแข็งแรงให้แก่ธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 30% จากปีก่อน (เมษายน 2561-มีนาคม 2562) ที่มีรายได้ 5,158 ล้านบาท

สอดรับนายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ในปี 2564 จะมีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา 60% ธุรกิจรับชำระเงินและธุรกิจอื่น ๆ (บริษัทที่เข้าไปร่วมทุน) 40% ของรายได้รวม

เนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)