แล้งหนักดันดีมานด์น้ำดื่มพุ่ง “สิงห์” ลงทุนเพิ่ม-สั่งโรงงานผลิตเต็มสูบ

“สิงห์” ทุ่มลงทุน 300 ล้าน เพิ่มไลน์ผลิตน้ำดื่มใหม่ พร้อมสั่ง 7 โรงงาน เดินเครื่องเต็มอัตราศึก รับออร์เดอร์ทะลัก คาดร้อนนี้ตลาดโตเบาะ ๆ 30% ปิ๊งไอเดียรักษ์โลก จับมือเกรฮาวด์-สิงห์ เอสเตท ผุดแคมเปญ “เกี่ยวช่วยโลก” ใช้ขวดแก้วแทนขวดพีอีที หวังฟื้นเซ็กเมนต์ขวดแก้วหลังหดตัวมานาน

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจน็อนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มสิงห์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดน้ำดื่มมูลค่ากว่า 38,700 ล้านบาท และปี 2563 นี้ มีแนวโน้มการเติบโตสูงมากกว่า 10% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากกระแสดูแลสุขภาพที่ยังคงมาแรง รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่เกิดเร็วขึ้นกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งคาดว่าหน้าร้อนจะยาวนานมากขึ้น ดังนั้น ในหน้าขายสำคัญนี้คาดว่ายอดขายจะเติบโตถึง 30% จากช่วงปกติ โดยขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณในแง่ของออร์เดอร์ที่มีเข้ามามากขึ้น บริษัทจึงเตรียมพร้อมด้านกำลังการผลิต โดยให้โรงงานทั้ง 7 แห่ง เดินเครื่องผลิตเต็มที่ 100% นอกจากนี้ยังได้ลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิตที่โรงงานวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และทำให้บริษัทมีกำลังผลิตเพิ่มมาอีก 250 ล้านลิตร/ปี รวมเป็น 1,750 ล้านลิตร/ปี

นายธิติพรกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้จัดแคมเปญ “เกี่ยวช่วยโลก” เพื่อปลุกตลาดตั้งแต่ต้นปี โดยการรณรงค์การใช้ขวดแก้ว เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกจากขวดพลาสติก (PET) เนื่องจากขวดแก้วเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ใหม่ (reuse) 100% ลดการใช้แล้วทิ้ง ลดปริมาณขยะที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

“ที่ผ่านมา ลูกค้าที่ใช้ขวดแก้วส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจ ภัตตาคาร ร้านอาหาร โดยในช่วงแรกนี้จึงเข้าไปจับมือกับพันธมิตรร้านค้าต่าง ๆ ให้หันมาใช้ขวดแก้วมากขึ้น อาทิ การจับมือกับร้านอาหารเกรฮาวด์ เปลี่ยนขวดน้ำที่ใช้ภายในร้านมาเป็นขวดแก้ว รวมถึงสิงห์ เอสเตท และบริษัทในเครือบุญรอดฯ ตลอดจนร้านอาหาร โรงแรม ฯลฯ ในสเต็ปต่อไป

“กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปก็สามารถสั่งซื้อน้ำดื่มที่เป็นขวดแก้วได้ โดยผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน รวมถึงช่องทางออนไลน์ในอนาคต ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนยอดขายจากขวดแก้วจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 12% เป็น 20% ภายในสิ้นปี ในขณะที่ภาพรวมของน้ำดื่มสิงห์ปีที่ผ่านมามีมาร์เก็ตแชร์ 21.9% คริสตัล 18.4% เนสท์เล่ 14.3%”

นายธิติพรยังให้ข้อมูลด้วยว่า เทรนด์ของบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากเทรนด์ของการใช้ขวดพลาสติก PET ที่มีความสะดวก มีต้นทุนต่ำกว่า และมีการแตกหักยากกว่า ทำให้สัดส่วนของขวดแก้วในตลาดปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 4% จากปี 2557 ที่มีสัดส่วน 10% อย่างไรก็ตาม คาดว่าการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญนี้จะช่วยให้การใช้ขวดแก้วมีปริมาณที่มากขึ้น

นายภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวสรุปว่า แนวทางการทำตลาดน้ำดื่มสิงห์ ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งคุณภาพ และยังมองผลกระทบสิ่งแวดล้อม มุ่งลดปริมาณขยะ จึงกระตุ้นการบริโภคน้ำดื่มขวดแก้ว เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ใหม่ 100% ขณะที่ขวดพลาสติกได้สร้างความเข้าใจให้กับ

ผู้บริโภคว่าการใช้บรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากผู้บริโภคแยกขยะให้ถูกต้อง มีการจัดเก็บที่ดี สามารถนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลต่อไปได้เช่นกัน โดยขวดพลาสติกที่บริษัทใช้เป็นพลาสติกที่มีคุณภาพสูง (PET1) สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%

“เราเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องแก้ไขควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจ โดยหลายหน่วยงานในเครือได้มีโครงการจำนวนมาก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้สิงห์ เอสเตท ที่ประกาศตัวลุกขึ้นมาทำโครงการรณรงค์ลดขยะพลาสติก การนำพลาสติกไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แทนการปล่อยให้ย่อยสลายซึ่งใช้เวลาหลายสิบปี, บริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จํากัด มีการบริหารจัดการบำบัดน้ำภายในโรงงาน ด้วยการนำไปใช้ในสนามกอล์ฟ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น, สิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้พัฒนาโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการปริมาณขยะภายในไร่ ฯลฯ” นายภูริตกล่าว