“ปุ้มปุ้ย” ลอนช์แกงพร้อมทาน ส่งออกเจาะตลาดยุโรป-จีน

“ปุ้มปุ้ย” พลิกเกมทยอยเพิ่มสินค้าใหม่ เสริมทัพปลากระป๋อง ล่าสุดส่งน้ำแกงพร้อมทาน “น้ำยาขนมจีน-แกงเขียวหวาน” บุกตลาด พร้อมวางขายในต่างประเทศ เตรียมเพิ่มเจาะตลาดใหม่ “อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์” หลังซีแอลเอ็มวีอยู่ตัวตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 10% ลั่นเร่งเพิ่มมาร์เก็ตแชร์หวังขึ้นแท่นเบอร์ 2 ภายใน 5 ปี

นายไกรฤทธิ์ โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปลากระป๋อง “ปุ้มปุ้ย” และ “ปลายิ้ม” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันภาพรวม

ตลาดปลากระป๋องประเภทซอสมีมูลค่ากว่า 8,000-9,000 ล้านบาท อยู่ในภาวะชะลอตัวจากภาวะทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายและตลาดมีการแข่งขันเรื่องราคาและโปรโมชั่นที่รุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ ค่ายหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารพร้อมทานมากขึ้น เป็นการเสริมพอร์ตฯสินค้าให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นการต่อยอดจากกระบวนการผลิต

อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น จากนี้ไปบริษัทจะยังคงให้ความสำคัญและดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะเน้นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เริ่มจากตลาดในประเทศจะโฟกัสผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องที่มีแผนจะขยายฐานลูกค้าในตลาดเทรดิชั่นนอลเทรดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส เป็นต้น ส่วนในต่างจังหวัดจะทำการตลาดร่วมกับร้านค้า ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว จัดโรดโชว์ชวนชิมและโปรโมชั่นลดราคาตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นยอดขายและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ส่วนผลิตภัณฑ์สแน็ก สไมลิ่งฟิช ที่มี 4 รสชาติ อาทิ หอยลายอบกรอบ ออริจินอลรสกระเทียมอบกรอบ รสสาหร่าย รสต้มยำอบกรอบ นอกจากวางจำหน่ายในประเทศแล้วยังส่งออกไปทำตลาดในประเทศจีนด้วย

ด้านตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทจัดจำหน่ายและส่งออกไปยังต่างประเทศในแถบซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม ลาว ซึ่งมีการจำหน่ายครบทุกประเทศแล้ว ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จากนี้มีแผนจะขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ อีกด้วย ล่าสุดเตรียมส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ทำหน้าที่กระจายสินค้าออกสู่ตลาด และผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศมี 7 กลุ่ม อาทิ กลุ่มปลาในซอสมะเขือเทศ ปลาปรุงรส หอยปรุงรส อาหารทะเลสำหรับทานเล่น อาหารพร้อมปรุง และสแน็ก เป็นต้น

ล่าสุดได้ลอนช์สินค้าใหม่ ได้แก่ น้ำแกงพร้อมทาน สามารถแกะถุงออกแล้วทานได้ทันที เบื้องต้นได้วางจำหน่าย 5 รสชาติ อาทิ น้ำยาขนมจีนภาคกลาง น้ำยาขนมจีนภาคใต้ แกงเขียวหวาน ไข่พะโล้ มีราคาเริ่มต้น 30-40 บาท เบื้องต้นได้วางจำหน่ายในประเทศแถบยุโรปและจีนเป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคในแถบนั้นจะนิยมทานอาหารเอเชีย จากเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องแกงสำเร็จรูปเข้ามาทำตลาด เบื้องต้นมี 5 รสชาติ อาทิ เครื่องปรุงผัดไทย พริกแกงมัสมั่น เครื่องปรุงต้มยำ พริกแกงกะหรี่ และพริกแกงเขียวหวาน ชูจุดเด่นเรื่องความสะดวก ราคาเริ่มต้น 30-35 บาท เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าร้านอาหารในต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และมีแผนจะขยายตลาดไปตะวันออกกลางมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารไทยให้ได้อย่างครอบคลุม

นายไกรฤทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากปีนี้จะเป็นปีที่ครบรอบ 41 ปีของการดำเนินธุรกิจของบริษัท จึงได้จัดเตรียมกิจกรรมและโปรโมชั่น “ลด แลก แจก แถม” ให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะจัดขึ้นที่งานไทยเฟค เมืองทองธานี ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 นี้ รวมถึงการเพิ่มโอกาสขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ได้เริ่มจากช่วงปีที่ผ่านมาได้นำสินค้าทุกกลุ่มเข้าไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของลาซาด้าและช้อปปี้ พร้อมจัดทำโปรโมชั่นในทุกช่วงเทศกาลสำคัญ ส่งผลให้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 10% และตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของตลาดปลากระป๋องภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 15% จากภาพรวมในปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากกลุ่มสินค้าปลาในซอสมะเขือเทศ ปลาปรุงรส หอยปรุงรส ประมาณ 80% และอาหารพร้อมทาน สแน็ก และเครื่องปรุง ประมาณ 20%” นายไกรฤทธิ์กล่าว