รองเท้าวิ่ง “ระอุ” แต่ต้นปี แบรนด์ดังเร่งเปิดตัวรับโอลิมปิก

ว่ากันว่า ปีนี้ตลาดรองเท้าวิ่ง แนวโน้มน่าจะคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะได้อานิสงส์จากการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก 2020 ที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.ค.นี้แล้ว ยังมีประเด็นร้อนเรื่องเทคโนโลยีรองเท้าวิ่ง มากระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค

หลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ สหพันธ์กรีฑานานาชาติได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน รองเท้ารุ่น “เวเปอร์ฟลาย” (Vaporfly) ของไนกี้ ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ช่วยให้นักวิ่งหลายรายทำลายสถิติความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง เช่น “เอเลียด คิปโชเก” นักวิ่งชาวเคนยา ที่สามารถวิ่งฟูลมาราธอนในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จนเกิดระเบียบใหม่สำหรับรองเท้าที่เหล่านักวิ่งจะสามารถใช้ได้ในการแข่งขันกีฬาอย่างเป็นทางการ เช่น ความหนาของส้นรองเท้า, จำนวนแผ่นคาร์บอน

แต่สาระสำคัญที่สุดซึ่งจะส่งผลต่อตลาดรองเท้าวิ่ง คือ รองเท้านั้น ๆ จะต้องหาซื้อได้ทั่วไป เวลาอย่างน้อย 4 เดือนก่อนการแข่งขัน

กฎข้อนี้ทำให้บรรดาแบรนด์รองเท้าต้องเร่งกำหนดการเปิดตัวสินค้าให้ทัน เส้นตายสุดท้าย คือ วันที่ 30 เมษายนนี้ เพื่อที่สินค้าของตนจะสามารถปรากฏตัวต่อสายตาชาวโลกในการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ได้ทัน ทำให้ตลาดรองเท้าช่วงไตรมาสแรกนี้คึกคักเป็นพิเศษ

สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวของแบรนด์รองเท้าที่ปรับตัวกับกฎใหม่นี้แล้ว นำโดยตัวต้นเรื่อง “ไนกี้” ที่ประกาศเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ในซีรีส์เวเปอร์ฟลายแบบฟ้าผ่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังประกาศของสหพันธ์กรีฑาฯออกมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ โดยรองเท้ารุ่น “ซูม อัลฟ่าฟลาย เน็กซ์%” (Zoom Alphafly NEXT%) นั้นมีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น ส้นรองเท้าหนา 39.5 มม. บางกว่าข้อจำกัดอยู่ 0.5 มม. ใช้ชิ้นคาร์บอนเพียง 1 ชิ้น และจะวางขายทันวันที่ 30 มีนาคมนี้แน่นอน

“โทนี บิ๊กเนล” รองประธานฝ่ายนวัตกรรมรองเท้าของไนกี้ กล่าวว่า เมื่อมีกฎใหม่ออกมา เราก็ต้องมองหาโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาสินค้าไปอีกขั้น

ข้ามมายังฝั่งเอเชีย ผู้ผลิตรองเท้าสัญชาติญี่ปุ่นหลายรายเร่งปรับกำหนดการเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ รวมถึงการตลาดอย่างเร่งด่วนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากบรรดานักกีฬา เนื่องจากกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก สะท้อนจากงานวิ่งผลัดระดับมหาวิทยาลัยรายการใหญ่อย่าง ฮาโกเนะ เอคิเด็น ที่ปีนี้นักวิ่ง 80% ใส่รองเท้าไนกี้ รวมถึงทีมชนะเลิศจากมหาวิทยาลัยอาโอยามา ที่ปีก่อน ๆ ใส่รองเท้าอาดิดาสมาตลอดด้วย

“โมโตอิ โอยามะ” ประธานและประธานบริหารของเอสิกส์ (Asics) หนึ่งในแบรนด์สินค้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่น และมีรายได้จากรองเท้ากีฬาถึง 80% ถึงกับออกมายอมรับว่า ในยกแรกนี้บริษัทแพ้ให้กับไนกี้เสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังพิจารณาปรับกำหนดการเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ให้เร็วขึ้น จากเดิมมีกำหนดเปิดตัวช่วงฤดูร้อน พร้อมชูจุดขายด้านการรองรับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า และดีไซน์ปลายเท้าแบบใหม่ ช่วยผลักดันเท้าไปด้านหน้าได้มากขึ้น

ด้าน “มิซูโน่” (Mizuno) ผู้ผลิตสินค้ากีฬาอีกราย ได้ประกาศขยับกำหนดการเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ให้เร็วขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีไฮไลต์เป็นแผ่นรองส้นเท้ารูปแบบเฉพาะ และได้นำไปให้นักวิ่งทดลองในงานฮาโกเนะ เอคิเด็นมาแล้ว และยังสามารถทำลายสถิติความเร็วได้ด้วย

ทั้งนี้ แม้รองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันจะเป็นเซ็กเมนต์ขนาดเล็ก แต่ถือเป็นเวทีแสดงศักยภาพของแบรนด์ ทำให้แต่ละรายต้องทุ่มเทเป็นพิเศษ “มาซามิ นาคานากะ” นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทหลักทรัพย์ อิวาอิคอสโม อธิบายว่า ในธุรกิจรองเท้าวิ่งนั้นความสำเร็จของนักกีฬาจะช่วยดึงความสนใจของกลุ่มออกกำลัง และสร้างดีมานด์ให้กับสินค้าจากแบรนด์นั้น ๆ โดยเฉพาะมิซูโน่ ที่ปัจจุบันมีรายได้จากรองเท้าวิ่งเพียง 10% ของรายได้รวม จึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก


ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เชื่อได้ว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ตลาดรองเท้าวิ่งอาจจะร้อนระอุอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน