ธุรกิจโรงหนังคึกคัก ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ไทย-เทศจ่อคิวฉายตลอดทั้งปี “เอสเอฟ” เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น ไม่หวั่นไวรัส COVID-19 พร้อมรุกหนักขยายสาขาเต็มที่ เน้นเจาะ ตจว. ก่อนอัดแคมเปญ-โปรโมชั่นมัดใจลูกค้าต่อเนื่อง
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นับตั้งแต่สถานการณ์ของไวรัสโคโรน่า จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้เข้ามาระบาดในไทย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกภาคส่วน รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในศูนย์การค้า ตลอดจนโรงภาพยนตร์ ที่อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากจำนวนคนเข้ามาเดินจับจ่ายในศูนย์การค้าลดลง แต่คาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยโรงภาพยนตร์เอสเอฟนั้น นับว่าไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะลูกค้ายังคงเข้ามาชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ได้เตรียมมาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ และจุดสัมผัสต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 1 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือบริเวณจุดฉีกบัตร และจุดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนการใช้เครื่องโอโซน ฆ่าเชื้อโรคก่อนเปิดให้บริการทุกวัน รวมถึงการฉีดพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคก่อนรอบฉายทุกรอบ
- แคดเมียมมีดีอะไร ทำไมแค่กากยังมีคนอยากได้?
- ปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพ ข้าราชการ 4 กลุ่ม เริ่ม 1 พ.ค.นี้
- แจกเงิน 1 หมื่น เปลี่ยนเงื่อนไข คนทั่วไปใช้ได้เฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก-ร้านสะดวกซื้อ
ทั้งนี้ ปัจจัยการเติบโตของตลาดโรงภาพยนตร์นั้นจะขึ้นอยู่กับหนังที่เข้าฉายเป็นหลัก หากหนังดีโรงภาพยนตร์ก็จะเติบโตตามไปด้วย โดยปีนี้จะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศเข้าฉายต่อเนื่องตลอดปี ประมาณ 20-30 เรื่อง อาทิ แบล็ควิโดว์ ฟาสต์เร็วแรงทะลุนรก 9, มู่หลาน, วันเดอร์วูแมน และ Cosmoball โดยเฉพาะช่วงเทศกาลออสการ์ ปี 2020 จะทำให้หนังเรื่องนั้นกลับมามีกระแสอีกครั้ง
และภายในปีนี้จะมีภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่องที่จ่อคิวเข้าฉาย อาทิ สุขสันต์วันโสด Love เลยร้อยเอ็ด ผู้บ่าวไทบ้านอีสานจ๊วด มนต์รักดอกผักบุ้งเลิกคุยทั้งอำเภอ และไทบ้าน x BNK 48 จากใจผู้สาวคนนี้ ฯลฯ จากปีที่ผ่านมามีหนังไทยทำรายได้สูงสุด ได้แก่ ไดอารี่ตุ๊สซี่แอนด์เดอะเฟค และเฟรนโซน ของค่ายจีดีเอช ถือว่าเป็นโรลโมเดลของค่ายหนังไทยที่ต้องการทำเงินหลัก 100-200 ล้านบาท ซึ่งจำนวนภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่จ่อคิวเข้าฉายตลอดทั้งปี คาดว่าจะส่งผลภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์ปีนี้เติบโตขึ้นตามไปด้วย
นายสุวิทย์ยังระบุต่อไปอีกว่า แผนการเติบโตของเอสเอฟในปีนี้ เตรียมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นเปิดในทำเลต่างจังหวัด ในรูปแบบการขยายไปกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น โรบินสัน บิ๊กซี เป็นต้น ล่าสุด ได้เปิดโรงภาพยนตร์เอสเอฟที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ตำบลบ่อวิน จังหวัดชลบุรี รวมถึงมีแผนปรับปรุงโรงภาพยนตร์สาขาเดิมให้ทันสมัยขึ้น ควบคู่ไปกับการทำตลาดในเชิงสร้างสรรค์ ทั้งจัดแคมเปญและโปรโมชั่นในทุกช่วงเทศกาล เพื่อสร้างแวร์ลูให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมโปรเจ็กต์ใหญ่หลายโครงการ อยู่ระหว่างวางแผนการตลาด คาดว่าจะได้เห็นในปีนี้
นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการที่สาขา ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่นอกจากลูกค้าจะใช้ชมรอบหนัง แจ้งโปรโมชั่น หรือใช้ซื้อตั๋วหนัง ในอนาคตแอปพลิเคชั่นนี้จะสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าได้ เช่น ชอบดูหนังแนวไหน รอบไหน ชอบนั่งที่นั่งตรงไหน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เอสเอฟนำเสนอโปรโมชั่นหรือทำการตลาดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
“ปัจจุบันเอสเอฟมี 64 สาขา 400 โรงภาพยนตร์กว่า 85,000 ที่นั่ง รวมทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอีก 27 จังหวัด”
