“กีโต้” ปูพรมรองเท้าแตะ 100 รุ่นปลุกตลาด

“กีโต้” จัดทัพสู้ดิสรัปชั่น รับตลาด-ผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว ส่งรองเท้าปีละกว่า 100 รุ่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ชูดีไซน์แตกต่างมัดใจ ก่อนเดินหน้าปรับอิมเมจแบรนด์ขยายฐานวัยรุ่น ดึงเป๊ก-ผลิตโชค นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมเพิ่มน้ำหนักบุกออนไลน์รับเทรนด์อีคอมเมิร์ซโตแรง คาดยอดขายเติบโตต่อเนื่อง 15-20%

นายพิศาล กิจกำจาย ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท กีโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์กีโต้ ระบุกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดรองเท้า และรองเท้าแตะ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และยังมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้อีกจำนวนมาก เนื่องจากตัวเลขของการซื้อรองเท้าของคนไทยยังอยู่เพียง 0.7 คู่ต่อคนต่อปี ในขณะที่ตัวเลขของต่างประเทศอยู่ที่ 4-7 คู่ต่อคนต่อปี

แต่อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะการแข่งด้านของราคา ตลอดจนพฤติกรรมการบริโภค ความชอบ ความต้องการ ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของตลาดและลูกค้า ตามเทรนด์แฟชั่นที่เกิดขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อยังชะลอตัว และมีปัจจัยที่ต้องจับตาตั้งแต่ต้นปี ทั้งสงครามการค้า การแพร่ระบาดของไวรัส ภัยแล้ง ฯลฯ

เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว กีโต้ได้มุ่งเน้นการผลิตและดีไซน์ของสินค้าให้มีความแตกต่าง พร้อมกับการรักษาในเรื่องของคุณภาพ รองรับความต้องการหลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแตะแบบหนีบ รองเท้าแตะแบบสวม รองเท้าผ้าใบ รองเท้ากีฬา เป็นต้น ครอบคลุมฐานลูกค้าทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง เฉลี่ยแล้วจะมีรองเท้ารุ่นใหม่วางตลาด 5-10 รุ่นต่อเดือน หรือมากกว่า 100 รุ่นต่อปี

“ตลาดรองเท้าแตะแข่งกันเรื่องราคาสูงมาก โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากจีนที่ไหลเข้ามา แต่เราต้องการเจาะไปที่เซ็กเมนต์กลาง-กลางบน หรือพรีเมี่ยมแมส ที่ไม่ได้สนใจแค่ราคาเพียงอย่างเดียว

เท่านั้น แต่ให้น้ำหนักกับเรื่องของดีไซน์กับคุณภาพในการตัดสินใจซื้อด้วย เราจึงมองว่าถ้าสินค้ามีความแตกต่างก็ยังมีโอกาสที่จะเข้าไปตอบโจทย์ดีมานด์ดังกล่าวได้”

นอกจากนี้ แบรนด์ยังเดินหน้าปรับภาพลักษณ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 18-30 ปี ที่เป็นกำลังซื้อหลัก และมีอิทธิพลต่อความนิยมของสินค้าในกลุ่มอายุอื่น ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยล่าสุดได้ดึง “เป๊ก ผลิตโชค” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับเปิดตัวรองเท้าใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Walk , Move และ Flow เป็นรองเท้าแตะแบบสวม แบบหนีบ และแบบรัดส้น รวมทั้งสิ้นกว่า 10 เฉดสี

สอดคล้องกับสโลแกนของแบรนด์ “เท่สร้างได้” พร้อมกับแคมเปญ “กีโต้เท่สร้างโชค” แจกรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รถมอเตอร์ไซค์ และทองคำ ระยะเวลาตั้งแต่ 7 ก.พ.-7 พ.ค. 63 เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นการจับจ่ายและแบรนด์ยังเตรียมเปิดตัวกลยุทธ์การคอลลาบอเรชั่นกับแบรนด์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้า ตลอดจนขยายฐานไปยังแฟนคลับกลุ่มใหม่ ๆ ของแบรนด์ หรือศิลปินที่ร่วมมือกันพัฒนาสินค้าขึ้น โดยก่อนหน้าได้เข้าไปจับมือกับ Q Design and Play แบรนด์สตรีตแวร์สัญชาติไทย

พร้อมกับเพิ่มน้ำหนักการเติบโตในช่องทางออนไลน์ หลังจากที่เริ่มทำตลาดในช่องทางนี้เป็นเวลากว่า 3 ปี พบว่ามีโอกาสเติบโตสูง จึงได้พัฒนาเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเองขึ้น (www.kito.co.th) และการเข้าไปจำหน่ายในมาร์เก็ตเพลซอย่างลาซาด้า ช้อปปี้ ฯลฯ โดยปัจจุบันยอดขายที่มาจากช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนประมาณ 5% ของยอดขายทั้งหมด และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกปี

นายพิศาลระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากร้านค้าแบบดั้งเดิม (traditional trade) 45% ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (modern trade) 20% ออนไลน์ 5% และส่งออกอีก 30% ซึ่งปัจจุบันมีการส่งไปจำหน่ายแล้วกว่า 40 ประเทศ โดยมีอาเซียนและตะวันออกกลางเป็นตลาดหลัก


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจะมีปัญหาจากสงครามการค้า และค่าเงินบาทที่ผันผวน แต่ออร์เดอร์ของตลาดต่างประเทศไม่ได้ปรับลดลง ยังสามารถเติบโตได้ในอัตราซิงเกิลดิจิต ส่วนภาพรวมของบริษัทนั้นยังคงตั้งเป้าหมายในการเติบโตไว้ที่ 15-20% ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา