คุม “มาสก์-เจล”…ไร้น้ำยา สินค้าขาด-ราคาพุ่งยกแผง

เป็นของ “มีค่า-หายาก-ราคาแพง” ชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยก็ว่าได้ สำหรับหน้ากากอนามัย (mask) เจล-แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ผลพวงจากวิกฤตไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ “โควิด-19” ที่ลากยาวมากว่า 1 เดือน และกำลังก้าวเข้าสู่เดือนที่ 2 ทั้ง ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศให้สินค้าทั้ง 2 รายการ เป็นสินค้าควบคุม ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ยังจะออกโรงมาระบุว่า บ้านเราโรงงานขนาดใหญ่ประมาณ 10 โรง และมีกำลังการผลิตรวมกันถึงประมาณ 100 ล้านชิ้น/เดือน แต่มีความต้องการใช้ในประเทศประมาณ 30 ล้านชิ้น/เดือน ดังนั้น จึงมีกำลังการผลิตเหลือเฟือ และเพียงพอกับความต้องการ หรือหากมีความต้องการใช้เพิ่มก็อาจจะเพิ่มเป็น 40 ล้านชิ้น/เดือนได้ไม่ยาก เพียงพอกับความต้องการของตลาดในประเทศแน่นอน แถมปัจจุบันยังสต๊อกอยู่อีกประมาณ 200 ล้านชิ้น เรียกว่าใช้ได้นาน 4-5 เดือนเลยทีเดียว

แต่ในความเป็นจริง จนถึงวันนี้ สินค้าทั้ง 2 รายการยังเป็นสินค้าที่หายาก และราคาถีบตัวขึ้นไปอย่างบ้าระห่ำ โดยเฉพาะมาสก์ที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้วันต่อวัน ร้านขายยาที่เป็นช่องทางใหญ่ของสินค้าทั้ง 2 รายการ ต่างปิดประกาศ “สินค้าหมด” กันถ้วนทั่วหน้า

แม้จะมีป้ายประกาศปิดแจ้งไว้ดังกล่าว แต่ด้วยความหวังว่าจะมีสินค้าที่ต้องการเข้ามาบ้าง ประชาชนต่างแวะเวียนเข้าไปสอบถามร้านต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งวัน

ส่วนที่พอจะหาซื้อกันได้บ้าง แต่ราคาขายก็แพงลิบลิ่ว บางแห่ง 650 บาท/กล่อง (50 ชิ้น) บางที่พุ่งทะลุหลัก 1,000 บาทก็มีให้เห็น จากปกติที่เคยซื้อขายกันเพียงกล่องละ 60-80 บาทเท่านั้น…ไม่ต้องถามว่างานนี้คนขายจะมีกำไรงามแค่ไหน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องแปลกแต่จริง!

เพราะวิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่จะเกิดเฉพาะกับประชาชนหรือคนทั่ว ๆ ไปเท่านั้นที่หาซื้อหน้ากากมาใช้ป้องกันตัวเองจากโรคร้ายไม่ได้ แต่ยังลามไปถึงหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน ที่ต่างก็ประสบปัญหาขาดหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤต

ADVERTISMENT

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าสมาชิกของสมาคม 250 แห่ง กำลังประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤต และไม่สามารถจัดซื้อ/จัดหาหน้ากากอนามัยได้ และร้องขอให้ทางการจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาลเอกชน

เช่นเดียวกับที่บรรดาผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายแห่ง กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ตอนนี้หน้ากากอนามัยสู่ภาวะขาดแคลน โดยปกติ รพ.ขนาดใหญ่จะใช้หน้ากากอนามัยประมาณ 1 แสนชิ้น/เดือน และต้องสำรองล่วงหน้าไว้ 2-3 เดือน แต่หลังเกิดไวรัสระบาด ความต้องการก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จึงเริ่มขาดแคลนขึ้น และเมื่อจะสั่งซื้อ ตัวแทนจำหน่ายก็ไม่สามารถจัดหาให้ได้

ADVERTISMENT

ส่วนเจล-แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือก็เช่นเดียวกัน ในแง่ของราคาอาจจะไม่พุ่งกระฉูดเหมือนมาสก์ เพราะอย่างน้อยที่สุดยังมีองค์การเภสัชกรรม-องค์การสุรา ที่ทยอยผลิตสินค้าออกมาป้อนตลาดและคานไม่ให้ราคาขยับไปมาก และอีกด้านหนึ่งก็มีรายเล็กรายน้อยผลิตสินค้าออกมาขายจำนวนมากรับกับดีมานด์ที่มีอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่เกิดขึ้น น่าจะสะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการของหน่วยงานรับผิดชอบได้ไม่น้อย และไม่เฉพาะมาสก์-เจลเท่านั้น ล่าสุด สมุนไพรไทย “ฟ้าทะลายโจร” ก็กลายเป็นสินค้าหายากอีกอย่างหนึ่ง

หลังจาก นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาระบุว่า “…ที่ผ่านมาจีนมีการวิจัยฟ้าทะลายโจรในการฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่าที่ก่อโรคซาร์สได้ และมีการศึกษาโครงสร้าง 3 มิติของยาและเชื้อ พบว่ามีการจับกันของโมเลกุลยาที่ทำจากฟ้าทะลายโจรและเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019”

ไม่ทันข้ามวัน หลังจากมีข้อความนี้แพร่กระจายออกไป “ฟ้าทะลายโจร” จากเดิมที่เคยมีวางขายเกลื่อนเชลฟ์ กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เกลี้ยงเชลฟ์ภายในพริบตา

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ปัญหานี้อย่างไร…ทั้ง ๆ ที่เป็นสินค้าควบคุม แต่ควบคุมไม่ได้!