ไมเนอร์ฮุบแฟรนไชส์ “บอนชอน” ปูพรม 150 สาขาเพิ่มดีกรีบุกต่างจังหวัด

“ไมเนอร์” เผยธุรกิจร้านอาหารปีที่ผ่่านมาโต 3% ล่าสุดทุ่มซื้อ-คว้าสิทธิบอนชอน ประกาศปูพรม 150 สาขา บุกพื้นที่ทราฟฟิกสูง ปรับแผนสาขาแหล่งท่องเที่ยว รับมือไวรัสโควิด-19 พร้อมเพิ่มน้ำหนักดีลิเวอรี่ เตรียมปรับโครงสร้าง-ผู้บริหารครั้งใหญ่ เดินหน้ารีแบรนด์เก่าหวังขยายฐานจับคนรุ่นใหม่

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลางและรองประธานฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ และซิซซ์เล่อร์ ฯลฯ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารในปีที่ผ่านมา เติบโต 3% ส่วนใหญ่มาจากการขยายสาขาของแบรนด์หลัก อาทิ เดอะพิซซ่า คอมปะนี, ริเวอร์ไซด์ และเบอร์เกอร์คิง ประมาณ 80 สาขา รวมถึงการรวมร้านบอนชอนเข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ขณะที่สาขาเดิมมียอดขายลดลง 1% จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและการแข่งขันสูง โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลมีแบรนด์ร้านอาหารใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

สำหรับสาขาในต่างประเทศ ปัจจุบันไมเนอร์มีธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีน และออสเตรเลีย โดยปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น จากการขยายสาขาของร้านริเวอร์ไซด์ และเดอะคอฟฟี่คลับ ควบคู่กับเพิ่มช่องทางขายดีลิเวอรี่ โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการจัดส่งอาหารพันธมิตร เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุม

นายชัยพัฒน์กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ทำให้บริษัทต้องวางแผนตั้งรับ โดยทบทวนการเปิดสาขาในย่านแหล่งท่องเที่ยว และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนสาขาในประเทศจีน เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ปิดสาขาของร้านอาหารกว่า 50 สาขา เป็นการชั่วคราว และล่าสุดได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ปัจจุบันมีสาขาในจีนทั้งหมด 100 สาขา และมีแผนจะเจรจากับเจ้าสถานที่เพื่อขอลดค่าเช่าเพื่อควบคุมต้นทุน

ล่าสุดบริษัทได้เข้าลงทุนในสัดส่วน 70% ใช้เงินลงทุน 2,483 ล้านบาท ในบริษัท Spoonful Pte. Ltd ในประเทศสิงคโปร์ และบริษัท สพูนฟูล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของสิทธิแฟรนไชส์บอนชอนในไทย โดยการลงทุนในครั้งนี้ทำให้จากนี้ไป ไมเนอร์จะเป็นผู้ดำเนินการร้านอาหารบอนชอนในไทย และเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ในระยะยาวแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงสิทธิในการให้แฟรนไชส์ต่อไปในอนาคต จากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไมเนอร์ได้เข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัท ชิคเก้น ไทม์ จำกัด ผู้รับสิทธิการบริหารร้านบอนชอน ในประเทศไทย ส่งผลให้ไมเนอร์กลายเป็นเจ้าของร้านไก่บอนชอน จำนวนกว่า 46 สาขา

การลงทุนดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำกลยุทธ์หลักของบริษัท ในการเพิ่มแบรนด์ในเครือร้านอาหาร และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหาร อีกทั้งบอนชอนจะสามารถเพิ่มฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้กับไมเนอร์ได้อย่างครอบคลุม และไมเนอร์จะช่วยซัพพอร์ตทางด้านซัพพลายเชน และจัดหาวัตถุดิบส่วนกลาง ด้านราคาและประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และทำตลาดให้บอนชอนอย่างต่อเนื่อง

โดยมีแผนขยายร้านบอนชอนมากกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ เน้นขยายสาขาไปในพื้นที่ค้าปลีกนอกห้าง สรรพสินค้าและหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด โดยจะมีแพลตฟอร์มบริการจัดส่งอาหารของไมเนอร์ฟู้ด เข้ามาช่วยซัพพอร์ตในด้านการขายและการบริการ

ส่วนแผนการดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ด ระหว่างปี 2020-2024 อยู่ระหว่างการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ ทั้งในแง่ของโครงสร้างองค์กร ผู้บริหาร ทีมงานด้านดิจิทัล รวมทั้งมีแผนจะนำแบรนด์เก่าที่อยู่มานานกว่า 20 ปี มารีแบรนดิ้งแบรนด์ พร้อมปรับภาพลักษณ์รูปแบบร้าน และแนวการทำงานให้ทันสมัย เพื่อสอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่มากขึ้น และจะเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดผ่านช่องทางซื้อกลับบ้าน และดีลิเวอรี่ทุกแบรนด์ ผ่านแอปพลิเคชั่น

“1112 ดีลิเวอรี่” พร้อมร่วมมือกับผู้ให้บริการจัดส่งอาหารรายอื่น ๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล (data) วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อพัฒนาสินค้าและการบริการให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไมเนอร์ ฟู้ด ตั้งเป้าจะขยายสาขาร้านอาหารมากกว่า 3,700 แห่ง จะโฟกัสเข้าไปในทุกพื้นที่ ทั้งศูนย์การค้า สแตนด์อะโลน ในแหล่งที่มีทราฟฟิกสูง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันไมเนอร์ ฟู้ด มีร้านอาหารกว่า 10 แบรนด์ อาทิ เดอะพิซซ่า คอมปะนี, เดอะคอฟฟี่คลับ, ริเวอร์ไซด์, เบนิอานา, ไทยเอ็กเพรส, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์, แดรี่ควีน, เบอร์เกอร์คิง และบอนชอน มีสาขา 2,377 แห่ง ในประเทศ 1,578 สาขา และสาขาในต่างประเทศ 799 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่ลงทุนเอง 1,198 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 1,179 สาขา